ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. ชุดปฎิบัติการที่ 2 ติดตามจับกุม นายสุเทพ ภู่หอม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมินบุรี ซึ่งหลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้ โดยต้องมีการเรียน และ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศแต่เมื่อถึงวันเดินทาง ไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้
โดยมีผู้เสียหายที่เคยถูกผู้ต้องหาหลอกลวง ให้ข้อมูลว่าตนเองเคยถูกหลอกโดยผู้ต้องหาอ้างว่าสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้จึงได้ ตัดสินใจไปกู้ยืมเงินมาเพื่อใช้จ่ายในการเรียนนวดแผนไทยและเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศโดยส่งมอบเงินให้กับผู้ต้องหาจำนวน 212,000 บาทซึ่งได้มีการเรียนนวดแผนไทยตามที่ผู้ต้องหาแจ้งจริงแต่เมื่อถึงกำหนดเดินทางไปต่างประเทศกลับติดต่อผู้ต้องหาไม่ได้
ตำรวจจึงได้มีการตรวจสอบพบว่านายสุเทพหรือผู้ต้องหามีหมายจับเดิมอยู่ 3 หมาย ความผิดฐานฉ้อโกงโดยระยะเวลาเกิดเหตุล่วงเลยมาจะครบอายุความ 10 ปีแล้วยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ กระทั่งล่าสุดตำรวจสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ก่อนหมดอายุความ
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การภาคเสธอ้างว่าเคยทำงานให้บริษัททัวร์และมีคนเอาบัตรประชาชนของตนเองไปใช้ แต่สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหาย 3 คนยืนยันประกอบพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาหลอกลวงซึ่งตำรวจก็จะรวบรวมพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมา พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า นายณัฐวุฒิ ผู้ต้องหา มีพฤติการณ์ปลอมแปลงแอพพลิเคชั่น LINE บุคคลที่มีความสนิทกับผู้เสียหายแล้วทักแชทเพื่อขอยืมเงินหรือให้โอนเงินให้โดยมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อหลายราย เมื่อผู้เสียหายรู้ว่าตนเองถูกหลอกจึงได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดี กระทั่งตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนครปฐม ในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยเจตนาทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การว่าจะเลือกเหยื่อจากไอดี LINE หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ปรากฏบนหน้าเว็บไซต์ขายของทั่วไป
และคอยสังเกตว่าเหยื่อมีความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษก่อนจะปลอมแปลงแอพพลิเคชั่น LINE เป็นบุคคลอื่นโดยทำมาแล้วทั้งหมดประมาณ 30 ครั้ง ได้เงินประมาณ 130,000 บาท
ในเวลา ต่อมา พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กู้ภัย และ สภ.เมือง พัทยา ได้รับแจ้งเหตุพบศพเด็กถูกรัดติดกับรถเข็นลอยขึ้นมา บริเวณท่าเรือแหลมบาลีฮาย ซึ่งหลังจากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ควบคุมตัวนาย วาเอล นาบิล ซัลมาน ซูเรกัต ผู้ต้องหาเป็นชาวจอร์แดนจากการประสานงานของตำรวจ ตม. สนามบินสุวรรณภูมิพบชาวต่างชาติอยู่ในอาการผิดปกติน่าสงสัย กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศจึงควบคุมมาสอบสวน ว่าทางเจ้าหน้าได้สอบสวนจนนายวาเอล นาบิล ซัลมาน ซูเรกัต 52 ปี ยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุฆ่าลูกตัวเองจริง โดยเอาใส่รถเข็นแล้วผลัดลงทะเลไป สาเหตุเกิดจากอาการเครียดและแค้น ภรรยาวัย 24 ปี ชาวจอร์แดน ไม่สนใจ ทิ้งให้ตนเองเลี้ยงลูกซึ่งคือด.ช.โอมา นาบิล ซัลมาน ซูเรกัต อายุ 1 ปี 6 เดือน ผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียว ซึ่งจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินคดีกับนายวาเอล นาบิล ซัลมาน ซูเรกัต ในประเทศไทย เพราะเป็นความผิดคดีอาญาที่เกิดขึ้นในประเทศ จนกว่าจะพันโทษแล้วก็จะผลักดันกลับประเทศต่อไป