ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวิชิต โตวะจักร อายุ 52 ปี พร้อมด้วย นางวันเพ็ญ โตวะจักร 48 ปี และ นายสิรวิทย์ ช่วงเสน พ่อแม่และพี่ชาย ของ นายวสันต์ หรือบ่าว โตวะจักร อายุ 28 ปี ที่เสียชีวิต ในจังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา เดินทางเข้าพบ พันตำรวจโท แสงชัย เหล่ากิจรุ่งเรือง รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (รองผกก.สอบสวน กก.5 บก.ป.) เพื่อร้องขอให้ทางกองปราบฯ ช่วยรับทำคดีสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง หลังเหตุการณ์ผ่านมากว่า 3 เดือนแต่คดีกลับยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร โดยนำเอกสารการชันสูตร ใบมรณะบัติ และสำเนาการลงบันทึกประจำวันของ สภ.เมือง จ.ชุมพร มามอบไว้ให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นายสิรวิทย์ฯ กล่าวว่า การที่ต้องเดินทางมาร้องกองปราบปรามเนื่องจากว่าผลการสรุปคดีของพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ชุมพร ขัดแย้งกับผลการชันสูตร ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีมีการระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเป็นการฆ่าตัวตายโดยอาวุธปืน แต่ทางครอบครัวไม่เชื่อและมีการตั้งข้อสงสัย 4 ประเด็นคือ อย่างแรกอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุคือปืนลูกซองสั้น การยิงคือยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย ซึ่งโดยปกติคนฆ่าตัวตาย จะเอาปืนมาจ่อที่หัวมากกว่าหน้าอก
ข้อสงสัยต่อมาอย่างที่ 2 คือปืนก่อเหตุเป็นปืนลูกซองสั้น การที่เอาปืนมาจ่อที่หัวใจ ที่อยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย ซึ่งนายวสันต์ฯ เป็นคนถนัดซ้าย ดูแล้วไม่ใช่วิสัยของการลงมือด้วยตัวเอง ข้อสงสัยข้อต่อมาข้อที่ 3 คือผลชันสูตร ที่ระบุตรวจพบว่ามี ซี่โครงซ้ายหัก 3 ซี่,ซี่โครงขวาหัก 1 ซี่ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ชุมพร ชี้แจงว่ามาจากการที่กระสุนปืนเข้าไปกระทบทำให้กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ นอกจากนี้ยังมีรอยช้ำตามแขนของนายวสันต์ฯ จึงเชื่อว่านายวสันต์ฯ อาจจะถูกทำร้ายร่างกายก่อนหรือไม่
และประเด็นข้อสุดท้ายคือ อาวุธที่ใช้ถูกนำไปซุกไว้ในกองทราย ซึ่งไม่สามารถเป็นไปได้ว่าคนที่ยิงตัวตายแล้วจะสามารถหักปืนและนำไปซ่อนก่อนเสียชีวิตได้ และสำหรับในส่วนของปืนในวันเกิดเหตุไม่พบในจุดเกิดเหตุแต่มาพบในอีก 2 วันให้หลังโดยอ้างว่าสุนัขคาบออกมาจากกองทรายใกล้จุดเกิดเหตุ แต่ต่อมาพ่อตานายวสันต์ฯ กลับรับสารภาพว่าเป็นผู้นำไปซุกซ่อนไว้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นปืนของใคร และยังไม่มีการดำเนินการแจ้งข้อหา เกี่ยวกับการซ่อนอาวุธหรือของกลางในคดีอาญากับทางพ่อตานายวสันต์ฯ แต่อย่างใด ทั้งๆเป็นผู้ที่ตรวจพบคราบเขม่าดินปืนเช่นเดียวกับผู้ตาย และเป็นผู้นำอาวุธปืนไปซุกซ่อนเจ้าหน้าที่
นายสิรวิทย์ฯ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ตนและครอบครัวยังทราบอีกด้วยว่านายวสันต์ฯ มีเรื่องบาดหมางกับพ่อตามานานตั้งแต่เริ่มแต่งงาน และยังเคยถูกพ่อตาดูถูกในเรื่องของฐานะว่าตั้งแต่ลูกสาวมาแต่งงานกับนายวสันต์ฯ ก็ยังไม่มีเงินทองเสื้อผ้า หรือรถยนต์นั่ง แต่ไม่เคยมีการทะเลาะรุนแรงถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายกัน อย่างไรก็ตามศพของนายวสันต์ฯ ขณะนี้ทางครอบครัวได้นำโลงศพไปโบกปูนเก็บไว้ที่วัดท่ามะปริง จ.เพชรบุรี เพื่อรอผลทางคดีที่ชัดเจนก่อนจึงจะจัดพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
ด้าน นางวันเพ็ญฯ กล่าวว่า ในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ ตนได้เดินทางไปพบลูกชาย เพื่อเข้าไปขอยืมรถจักรยานยนต์มาใช้ทำงานเป็นเวลาสามวันซึ่งทางลูกชายก็ไม่ได้มีท่าทางผิดปกติหรือได้รับบาดเจ็บ รวมถึงลูกชายยังไม่มีท่าทีหรืออาการเครียดจากปัญหาใดๆ แต่พอเดินทางกลับมาได้เพียง 1 ชั่วโมงก็ได้รับโทรศัพท์ว่าลูกชายยิงตัวตาย ส่วนกรณีที่ทางภรรยาลูกชายให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งหนึ่งในช่วงเช้าวันนี้ว่าผู้ตายเกิดความน้อยใจที่ตนเองเดินทางมายืมรถจักรยานยนต์ไปใช้ก็ไม่ใช่ความจริงเพราะตัวลูกชายยินดีให้ตนเองยืมรถมาใช้โดยไม่ได้มีปัญหาผิดใจหรือทะเลาะกัน และไม่เชื่อว่าสาเหตุที่ลูกชายจะยิงตัวตายตามที่อ้างมาจากเรื่องรถจักรยานยนต์
นางวันเพ็ญฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางครอบครัวอยู่ระหว่างการพิจารณาฟ้องทางพ่อตาและทางครอบครัวของภรรยาลูกชายในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากว่าตลอดช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมาทางครอบครัวของภรรยาลูกชายมีการพูดกับหลายคนรวมถึงสื่อมวลชน เกี่ยวกับฐานะทางครอบครัวของตนว่ามีหนี้สินถูกเจ้าหนี้ตามทวงหนี้ล่ะทำร้ายร่างกายซึ่งไม่ใช่ความจริงทำให้เกิดความเสียหายกับทางครอบครัวจึงเตรียมดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 5 ล้านบาท
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบปากคำและรับเรื่องร้องทุกข์ไว้ก่อนจะตรวจสอบพยานหลักฐานที่นำมายื่นเพื่อเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง