ชายแดนไทย–กัมพูชา: ความเงียบที่ดังยิ่งกว่าปืน ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในห้วงเวลานี้แม้ยังไม่ถึงขั้นปะทะเต็มรูปแบบแต่สัญญาณอันตรายกำลังดังชัดจากการเสริมกำลัง การตรึงกำลัง และถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวขึ้นทุกวัน
ภาพทหารยืนประจันหน้าไม่ต่างจากเด็กในห้องเรียนที่ถูกสั่งให้นั่งแยก ห้ามคุย ห้ามข้ามเส้น แต่ทุกคนรู้ดีว่า ความไม่พอใจไม่ได้หายไปไหน มันแค่ถูกกดไว้ชั่วคราว
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “แนวเขต” แต่อยู่ที่ “แนวคิดรัฐ”ความขัดแย้งชายแดนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องของชาวบ้านริมแดน

มันคือผลพวงของแผนที่ที่ตกทอดจากยุคอาณานิคม การตีความกฎหมายระหว่างประเทศคนละมุมและการเมืองภายในที่ต้องการ “ความชอบธรรมจากศัตรูภายนอก”เมื่อรัฐบาลอ่อนแรงชายแดนมักจะร้อนขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย
การเมืองภายใน ผลักดันไฟชายแดน ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาต่างเผชิญแรงกดดันทางการเมือง เศรษฐกิจ และความคาดหวังของประชาชนการส่งสัญญาณแข็งกร้าวการใช้ถ้อยคำชาตินิยมและการเน้น “อธิปไตยเหนือทุกสิ่ง”ล้วนเป็นเครื่องมือคลาสสิกที่ผู้นำทั่วโลกใช้เหมือนกันเบี่ยงปัญหาภายใน ออกไปนอกประเทศ แต่ราคาที่ต้องจ่ายคือความหวาดกลัวของประชาชนตามแนวชายแดนเศรษฐกิจชายแดนที่ชะงักและความไว้ใจระหว่างประเทศที่ถอยหลังลงทุกวัน
ในเกมนี้ ใครได้ ใครเสีย? ผู้ได้คือนักการเมืองที่ได้คะแนนนิยมระยะสั้นกลไกความมั่นคงที่ได้งบประมาณเพิ่มกลุ่มอำนาจที่ต้องการความตึงเครียดเป็นข้ออ้าง ผู้เสีย คือชาวบ้านที่ต้องอพยพผู้ประกอบการชายแดนความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาที่ใช้เวลาสร้างมาหลายทศวรรษและที่เสียมากที่สุดคือ “โอกาสในการแก้ปัญหาอย่างสันติ”
โลกไม่เรียนรู้ และชายแดนคือห้องสอบซ้ำ ในโลกที่เต็มไปด้วยสงครามยูเครน–รัสเซียตะวันออกกลาง คาบสมุทรเกาหลี อินเดีย–ปากีสถาน
เป็นบทเรียนชัดเจนว่าความเงียบไม่เคยเท่ากับสันติภาพการแยกที่นั่งไม่เคยเท่ากับความเข้าใจ แต่โลกรวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังเลือกวิธีเดิม “ตรึงกำลังแทนเจรจา”“แสดงแสนยานุภาพแทนความจริงใจ”

ทางออกที่การเมืองไม่กล้าพูด ไทย–กัมพูชา ไม่ต้องการชัยชนะแต่ต้องการ ความกล้าทางการเมืองกล้าคุยในประเด็นที่ค้างคากล้าตั้งคณะทำงานร่วมที่โปร่งใสกล้าบอกประชาชนว่าสันติภาพอาจไม่เร้าใจเท่าคำว่าอธิปไตยแต่ยั่งยืนกว่า หากยังเลือกใช้ชายแดนเป็นเครื่องมือทางการเมืองวันนี้อาจแค่ตึงเครียดพรุ่งนี้อาจไม่มีใครควบคุมได้
เมื่อโลกยัง “จัดที่นั่ง” แทนการคุยห้องเรียนที่เงียบไม่ได้แปลว่าเด็กเข้าใจกันชายแดนที่ยังไม่ยิงก็ไม่ได้แปลว่าสันติภาพมีอยู่จริงตราบใดที่ผู้นำยังใช้เส้นแบ่ง แทนความรับผิดชอบ ชายแดนไทย กัมพูชา ก็จะเป็นเพียงอีกจุดหนึ่งในแผนที่ความล้มเหลวของการเมืองโลกและคนที่ต้องสอบตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่ผู้นำแต่คือประชาชน


