ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 8 มกราคม พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี และพ.ต.อ.สมเดช เกษมสุข ผกก.(สอบสวน) ตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรีเดินทางมารายงานความคืบหน้าและชี้แจงต่อสื่อมวลชน ในประเด็นการเสียชีวิตของ ด.ช.ซูลุยผิว หรือน้องต้าแง วัย2ขวบ ที่หายเข้าไปในไร่อ้อยนานกว่า9วัน ก่อนพบว่าน้องเสียชีวิตภายในร่องน้ำในไร่อ้อยดังกล่าวและการออกหมายจับนายฝน อายุ 32 ปี ชายสติไม่ดี ในข้อหาพรากผู้เยาว์
พล.ต.ต.คมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามคดี และตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมา เพื่อให้มีความรัดกุมและรอบคอบ ให้ความเป็นธรรมมากที่สุดทั้งสองฝ่าย เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และสอบพยานไปแล้วกว่า 59 ปาก เป็นพยานที่ให้การเป็นประโยชน์ฝั่งนายฝนถึง 8 ปาก ทั้งนี้ การที่ตำรวจออกหมายจับนายฝน ไม่ได้หมายความว่านายฝนเป็นฆ่าน้องต้าแง แต่จากการสอบปากคำนายฝน ให้การว่าวันนั้นพาน้องไปเล่นน้ำ และเจ้าหน้าที่ได้ให้นายฝนพาไปยังจุดที่น้องเสียชีวิต นายฝนก็สามารถพาไปถูกถึง 2 ครั้ง ทั้งๆที่ระยะทางห่างเกือบ1กิโลเมตร โดยจากการสอบสวนไม่มีใครอื่นที่น่าสงสัยอีกแล้ว ตำรวจจึงออกหมายจับ ต่อมาก็ทราบว่านายฝน เป็นคนสติไม่ดี ถึงจะมีอายุ 32 ปี แต่ระบบสมองเท่ากับเด็ก5 ขวบ ศาลก็ได้มีคำสั่งให้ส่งตัวนายฝนไปที่ สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพื่อยืนยัน และประเมินสภาพจิตว่าเป็นอย่างไร ในวันเกิดเหตุมีความสามารถในการรู้สึกผิดชอบชั่วดีแค่ไหน สามารถสู้คดีในชั้นศาลได้หรือไม่ โดยตำรวจส่งตัวไปตั้งแต่ 27 ธ.ค.62 ต้องรอผลอีก 45วัน จึงจะทราบ
ผบก.จว.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ส่วนที่ชาวบ้านยังไม่ปักใจเชื่อว่านายฝนเป็นผู้ที่พาเด็กไปนั้น เนื่องจากในวันเกิดเหตุนายฝนอยู่ที่วัด ต้องบอกว่าจากการสอบปากคำของพยานหลายคนให้การไม่ตรงกันเลย เด็กหายตัวไปในวันที่ 17 ธ.ค.61 มาเจอศพน้องวันที่ 25 ธ.ค.61 ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์แล้วเหตุการณ์ที่ผ่านไปหลายวันขนาดนี้มันจำไม่ได้หรอก แล้วถ้าช่วงที่เกิดเหตุนายฝนไปที่วัดจริง แต่ในช่วงที่เขาหายออกไปใครรู้บาง ดังนั้นการสอบปากพยานหลายคนก็ให้การไม่ตรงกัน ทั้งนี้ถ้าใครมีหลักฐานใหม่มาเพิ่มเติมตำรวจก็พร้อมที่จะรับฟัง
ส่วนกรณีทนายจะพาพ่อแม่ไปร้องกองปราบ เพื่อขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนนั้น ตนไม่มีอะไรขัดข้อง ถ้าผู้บังคับบัญชามีคำสั่งมาก็พร้อมที่จะทำตาม ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ภายใต้กฎหมาย และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่ข่าวมีการเสนอออกไปเป็นข้อมูลเพียง 20 เปอร์เซนต์ ส่วนอีก 80 เปอร์เซนต์อยู่ในสำนวน เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ย้ำว่ารอผลจากโรงพยาบาล ซึ่งจะชี้แจงต่อสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง สำหรับประเด็นที่มีการวิจารณ์กันว่าจุดที่พบศพเด็กห่างจากจุดหายตัว 5 กิโลเมตรนั้น เป็นการให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อน ความจริงแล้วจุดที่พบศพห่างเพียงแค่ 840 เมตรเท่านั้น