ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ช่วยเหยื่อได้ทัน 22 ราย ระงับเงินกว่า 5.1 ล้านบาท พร้อมเปิดโปงกลโกง “Hybrid” หลอกหลายชั้น หนึ่งในเคสสะเทือนใจ หญิงวัย 40 ปี ถูกลวงรักก่อนชวนลงทุน สูญเงินกว่า 34 ล้านบาท

ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดเผยสถิติคดีอาชญากรรมออนไลน์ในรอบสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 14–20 ธันวาคม 2568 พบมีคดีแจ้งความผ่านระบบ Thaipoliceonline จำนวน 6,846 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 424 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละกว่า 60 ล้านบาท
แม้จำนวนคดีจะลดลงจากสัปดาห์ก่อน 51 คดี แต่ความเสียหายกลับเพิ่มขึ้นกว่า 2.6 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่ามิจฉาชีพกำลังมุ่งเป้าไปที่เหยื่อที่มีศักยภาพทางการเงินสูงขึ้น และใช้กลโกงที่สามารถรีดเงินต่อคดีได้มากกว่าเดิม

เมื่อพิจารณาเชิงปริมาณ พบว่าคดีหลอกซื้อขายสินค้าออนไลน์ยังคงครองอันดับ 1 คิดเป็น 64.3% ของคดีทั้งหมด รองลงมาคือการหลอกโอนเงินเพื่อรับรางวัล และการหลอกให้โอนเงินเพื่อหารายได้พิเศษ ขณะที่หากวัดจากมูลค่าความเสียหายสูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นคดีหลอกโอนเงินเพื่อรับรางวัล รองลงมาคือคดีหลอกลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และการหลอกหารายได้พิเศษ
ชุดวิเคราะห์ข้อมูลของ ACSC ยังพบแนวโน้มที่น่ากังวล คือการหลอกลวงรูปแบบ “Hybrid” หรือการผสมหลายกลโกงในคดีเดียว เช่น จากหลอกซื้อของ กลายเป็นหลอกทำภารกิจ หรือจากหลอกให้รัก ก่อนชวนลงทุน ทำให้เส้นแบ่งของประเภทคดีเลือนราง เหยื่อสับสน และเสียหายหนักขึ้น
พฤติกรรมคนร้ายยังคงใช้โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ TikTok เป็นเครื่องมือ “ล่อ” ก่อนย้ายไปหลอกเต็มรูปแบบผ่าน Line ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดและตรวจสอบได้ยาก พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงในอนาคตจากการนำ AI หรือ Deepfake มาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เพิ่มความแนบเนียนในการหลอกลวง

สำหรับรูปแบบการก่อเหตุที่พบมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ การหลอกซื้อสินค้าออนไลน์พัฒนาเป็นการหลอกทำภารกิจ โดยโพสต์สินค้าราคาถูก ก่อนชวนเข้ากลุ่ม Line เพื่อทำกิจกรรมแลกรับสิทธิพิเศษ ทำให้เหยื่อโอนเงินซ้ำซ้อน, หลอกลงทุน อ้างเป็นโค้ชหรืออาจารย์สอนเทรด เรียนฟรีช่วงแรก ก่อนชักชวนโอนเงินผ่านแอปเทรดปลอม, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้าง DSI บริษัทขนส่ง หรือเครือข่ายมือถือ บีบให้เหยื่อโอนเงินตรวจสอบ, แอบอ้างเป็นคนรู้จักหรือญาติ ใช้บัญชีโซเชียลที่ถูกแฮก ทักขอยืมเงินด่วน

หนึ่งในคดีที่สร้างความเสียหายสูงสุด คือหญิงวัย 40 ปี ถูกชายใช้ชื่อ “SUN” ติดต่อผ่าน Line อ้างทักผิด ก่อนพัฒนาความสัมพันธ์ อ้างทำงานบริษัทไอทีและไปทำงานที่เกาหลีใต้ จากนั้นชักชวนทำภารกิจกดรับออเดอร์ผ่านเว็บไซต์ปลอม พร้อมแสดงกำไรปลอมและขอยืมเงินไปลงทุน โดยส่งภาพบัตรประชาชนชายไทยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ สุดท้ายเหยื่อโอนเงินไป 5 บัญชีหลายครั้ง รวมกว่า 34 ล้านบาท ก่อนที่ ACSC จะตรวจพบธุรกรรมผิดปกติ และประสานตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เข้าหยุดยั้งได้ทันก่อนเสียหายมากกว่านี้
ทั้งนี้ ในรอบสัปดาห์ ACSC สามารถเข้าช่วยเหลือเหยื่อได้ 19 เคส ระงับการโอนเงินได้ 22 ราย รวมมูลค่ากว่า 5.1 ล้านบาท และจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 คดี โดยย้ำเตือนประชาชนให้ตั้งสติ ไม่หลงเชื่อการติดต่อที่เร่งรัด หรืออ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง พร้อมตรวจสอบทุกครั้งก่อนโอนเงิน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพยุคใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน.

