หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมตำรวจบางยี่ขันลุแก่อำนาจหรือเปล่า

ตำรวจบางยี่ขันลุแก่อำนาจหรือเปล่า

นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยได้ออกมาเรียกร้องให้ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ลุแก่อำนาจไปหรือเปล่า

นายไฟโรจน์ฯ กล่าวว่า จากกรณีที่ นายสาโรจน์ บุณญะเสน อายุ 26 ปี ผู้สื่อข่าว สังกัดเว็ปไชต์ “ข่าวเจาะลึกทันเหตุการณ์ออนไลน์” และเป็นสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวฯ ได้มีปากเสียงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน จนกระทั่งถูกควบคุมตัวโดยใช้กำลังบังคับจับกุมใส่กุญแจมือจนเลือดตกยางออกบนโรงพัก

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันที่ 27 ธ.ค.61​ ที่ผ่านมา นายสาโรจน์ฯ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าคลิก หมายเลขทะเบียน 2​ กพ-6089 กรุงเทพมหานคร ออกมาจากบ้านเพื่อนที่อยู่ในซอยแห่งหนึ่งย่านสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อที่จะกลับบ้านพักย่านบางแค โดยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรตรงไปยังแยกพระปิ่นเกล้าฯ

ทันใดนั้นเองได้มี ร้อยตำรวจ​เอก​ ไตรภพ มงคลสุจริตกุล รองสารวัตรจราจร​ สถานีตำรวจ​นครบาล​บางยี่ขัน​ (รองสว.จร.สน.บางยี่ขัน)​ ขับขี่รถจักรยานยนต์ตรวจตราสภาพการจราจรผ่านมาพบเห็นเข้าพอดี จึงขับขี่รถตรงเข้ามาหานายสาโรจน์ฯ พร้อมกับขอตรวจสอบเอกสารการครอบครองรถและใบขับขี่ แต่เผอิญว่านายสาโรจน์ลืมใบขับขี่ไว้ที่บ้านพักในช่วงก่อนที่จะออกมาจากบ้านพักมาบ้านเพื่อน จึงแจ้งให้กับ​ ร.ต.อ.ไตรภพฯทราบ พร้อมกับแนะนำตัวเองว่า “ผมเป็นผู้สื่อข่าวครับ” ขอใช้บัตรผู้สื่อข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย​ ออกให้ไว้เป็นหลักฐานในการแสดงตัวตนได้ไหมครับ พร้อมกับเปิดเบาะนั่งหยิบบัตรผู้สื่อข่าวส่งให้กับร.ต.อ.ไตรภพฯเพื่อแสดงตัวตน

ร.ต.อ.ไตรภพฯ จึงวิทยุเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาหมายเลขรหัสหมวก 6613 มารับตัวนายสาโรจน์ฯ​ ไปที่ป้อมตำรวจบริเวณใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ นายสาโรจน์ฯ​ จึงซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตำรวจคนดังกล่าวเพื่อไปที่ป้อมตำรวจ แต่ระหว่างนั้นตำรวจคนดังกล่าวจะขี่รถย้อนศรเพื่อไปที่ป้อมตำรวจ นายสาโรจน์ฯ​ จึงบอกว่า “อย่าย้อนศรนะครับ มันผิดกฎหมาย และอันตรายด้วย” ตำรวจคนดังกล่าวจึงเอ่ยขึ้นว่า “มึงจะทำไมกับกู มึงทะเลาะกับใครก็ทะเลาะเป็นคนๆไป มาเกี่ยวอะไรกับกู มึงต่อยกับกูมั้ย”แต่ปรากฏว่าขณะที่ตำรวจคนดังกล่าวเอ่ยปากพูดออกมา นายสาโรจน์ฯ​ ได้กลิ่นสุรา จึงได้กระโดดลงจากรถ ขณะนั้น ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ จึงวิ่งเข้ามา นายสาโรจน์ฯ​ ก็บอกว่า “ลูกน้องผู้กองท้าผมต่อยนะครับ” ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ก็บอกว่า “ไปๆเดี๋ยวไปที่ป้อม” นายสาโรจน์จึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่กับลูกน้องเมาหรือเปล่าเนี่ย” เพราะได้กลิ่นสุราแรงมาก ประกอบกับสังเกตเห็นอาการคล้ายกับคนเมาสุรา ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ จึงบอกว่า “เดี๋ยวเอ็งไปเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ป้อม” นายสาโรจน์ฯ​ จึงย้อนถามกลับไปว่า “ถ้าพี่กับลูกน้องเป่าผมก็ยอมเป่า” หลังจากนั้นก็เดินไปที่ป้อมตำรวจ พอไปถึงร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ก็พยายามบังคับให้นายสาโรจน์ เป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ โดยหยิบเครื่องเป่ามายัดใส่ที่ปากของนายสาโรจน์ฯ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป

นายไพโรจน์ เทศนิยม

นายสาโรจน์ฯ​ ก็บอกว่า “ถ้าพี่กับลูกน้องเป่า ผมก็จะเป่า ไม่ใช่มายัดเยียดให้ผมเป่าตรงนี้” จากนั้นลูกน้องของร.ต.อ.ไตรภพฯ ก็เปิดประตูป้อมเข้ามาถามว่า “มึงทำไม มึงยังไม่จบเหรอ” จากนั้นได้มีตำรวจยศนายสิบตำรวจ 2 นาย​ มากันตัวลูกน้องของร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ออกไปข้างนอกป้อม จากนั้น ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ กับตำรวจอีก 2 นายก็ออกไปยืนสูบบุหรี่อยู่นอกป้อม พร้อมกับไล่ให้ตำรวจเจ้าของรหัส 6613 ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบไปก่อน

หลังจากนั้น ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ก็กลับเข้ามาที่ป้อมพร้อมกับบังคับให้นายสาโรจน์ฯ​ เป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป นายสาโรจน์ฯ​ จึงหันไปพูดกับกล้องที่ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ถืออยู่ว่า “ขอโทษนะครับ พี่จะให้ผมเป่า ผมขอให้พี่ตาม 6613 กลับมาเป่าแอลกอฮอล์ด้วย ผมถึงจะยอมเป่า เพราะผมสงสัยพี่กับลูกน้องของพี่​ น่าจะไปดื่มสุราและมีอาการมึนเมากันมาก่อน”

ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ จึงบอกว่า “คุณเป็นใคร ถึงมาสั่งให้ผมกับลูกน้องเป่าแอลกอฮอล์ คุณไม่มีสิทธิ์” นายสาโรจน์ฯ​ จึงบอกว่า “ผมขอใช้สิทธิ์ประชาชน ขอตรวจสอบว่าพี่สองคนเมาหรือเปล่า ขนาดพี่สองคนยังไม่เป่าเลย ทำไมผมจึงต้องเป่าด้วย”นอกจากนี้นายสาโรจน์ฯ​ ยังบอกว่า “ถ้าหยั่งงั้นไปที่โรงพักดีกว่า อยู่ตรงนี้ผมไม่ปลอดภัยแล้วครับ”

จากนั้น ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ก็ได้พานายสาโรจน์ไปที่​ สน.บางยี่ขัน พอไปถึงก็สั่งให้นายสาโรจน์ฯ​ นั่งลงที่เก้าอี้เพื่อจะเขียนบันทึกการจับกุมในข้อหา “เมาแล้วขับ-ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานในการสั่งให้เป่าวัดระดับแอกอฮอล์”

ต่อจากนั้นนายสาโรจน์ฯ​ ก็บอกว่า “จะจับผมข้อหาอะไร ผมยังไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไรเลย” พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เรียกผู้บังคับบัญชามาตรวจสอบพี่ทั้งสองคนดีกว่า” ขณะนั้นได้มีตำรวจยศนายสิบตำรวจ​เอ่ยขึ้นมาว่า “มึงทำไมเรื่องมากจังวะ” พร้อมกันนั้นนายสาโรจน์ฯ​ ก็ขออนุญาตใช้โทรศัพท์ของตำรวจเพื่อติดต่อญาติ ตำรวจก็บอกว่าไม่ได้ นายสาโรจน์ฯ​ จึงบอกต่อว่า “ถ้าหยั่งงั้นเอาโทรศัพท์ของพี่มาถ่ายคลิปไว้ได้ไหม” ตำรวจคนที่ว่าก็บอกว่า “ไม่ได้” จากนั้นนายสาโรจน์ฯ เห็นว่ากำลังจะถูกกลั่นแกล้ง จึงเดินไปเปิดหน้าต่างห้องสอบสวนพร้อมกับตะโกนว่า “ประชาชนช่วยด้วยครับ ผมถูกยัดข้อหาครับ ใครก็ได้ขอให้ผมยืมโทรศัพท์หน่อย​ เพื่อติดต่อญาติและถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน”

ร.ต.อ.ไตรภพฯ เห็นดังนั้นจึงให้ลูกน้องจำนวน 2 นายวิ่งมารุมและล็อกตัวนายสาโรจน์ฯ แต่นายสาโรจน์ฯ​ ยังส่งเสียงร้องตะโกนให้คนช่วย จังหวะนั้นเองตำรวจจึงเอามือล๊อกคอปิดปากนายสาโรจน์ฯ ไม่ให้ตะโกน และเกิดการชุลมุนกันขึ้น จนทำให้นายสาโรจน์ฯ​ ปากแตก แล้วจับนายสาโรจน์ฯ​ ใส่กุญแจมือทันที พร้อมกับขู่ว่า “มึงต้องเจออีกข้อหาหนึ่งคือ “ก่อความไม่สงบในสถานที่ราชการ” จากนั้นก็นำตัวนายสาโรจน์ฯ ยัดเข้าห้องขัง สักพักหนึ่ง​ ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ก็มาบอกให้นายสาโรจน์ฯ ไปเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ห้องสอบสวน ซึ่งนายสาโรจน์ฯ​ ก็ยอมไปแต่โดยดี พร้อมกับบอกว่า “ผมดื่มเบียร์มากระป๋องหนึ่ง แต่ผมก็จะเป่าให้ถ้าทางตำรวจต้องการ” เมื่อเป่าเสร็จปรากฎว่า ระดับแอลกอฮอล์ขึ้นมาที่ 62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่​ ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ เห็นว่า ระดับแอลกอฮอล์น้อย จึงแจ้งข้อหาเดิมคือ “เมาแล้วขับ-ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานในการสั่งให้เป่าวัดระดับแอลกอฮอล์” ตามเดิม

จากนั้นนายสาโรจน์ฯ​ ก็เอ่ยปากทวงถามหาบัตรผู้สื่อข่าวฯ​ ที่​ ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ยึดไป แต่ปรากฏว่าร.ต.อ.ไตรภพฯ​ บอกว่า “มันหายไปแล้วจะให้ทำยังไง ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะหาไม่เจอหวะ” พร้อมกับพาตัวนายสาโรจน์ฯ ยัดเข้าห้องขังตามเดิม ทำกับว่านายสาโรจน์ฯ เป็นผู้ต้องหา “ฆ่าคนตายหรือนักค้ายาเสพติดรายใหญ่”

ต่อมามารดาของนายสาโรจน์ฯ​ มาที่สน.บางยี่ขัน​ และเห็นว่า ที่ปากของลูกชายแตกจึงร้องถามว่า “เป็นอะไร ทำไมถึงปากแตก​ และเสื้อจึงเลอะเลือด” ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ บอกว่า “ไม่มีอะไรแค่ปากแตกนิดหน่อย เพราะขัดขืน” มารดานายสาโรจน์ฯ​ เลยบอกว่า “ต้องทำกันขนาดเลือดตกยางออกเลยเหรอ” แต่​ ร.ต.อ.ไตรภพฯ​ ก็ไม่ได้ว่าอะไร พร้อมกับเดินหนีไป

ต่อมาในวันที่ 28 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้ควบคุมตัวนายสาโรจน์ฯ​ ไปส่งต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ซึ่งนายสาโรจน์ฯ​ ก็ยอมรับทุกข้อกล่าวหา จึงถูกศาลลงโทษปรับเป็นเงิน 7,500 บาท และถูกลงทัณฑ์ไว้ 1 ปี พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

นายไพโรจน์ฯ กล่าวต่อว่า​ นี่ขนาดนายสาโรจน์ฯ​ เป็นผู้สื่อข่าวฯ ยังโดนตำรวจกระทำได้ถึงขนาดนี้ หากเป็นประชาชนคนธรรมดาจะไม่โดนไปมากกว่านี้หรือ​ ส่วนบัตรผู้สื่อข่าวฯ​ ตำรวจ​ก็ทำหายซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางสมาคมฯแบบนี้เขาเรียกว่า “ตำรวจลุแก่อำนาจ” ไปหรือเปล่า!!

นายไพโรจน์​ฯ​ มองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่​ และสมควรหรือไม่ที่เจ้าหน้าตำรวจดื่มสุราในระหว่างออกปฏิบัติหน้าดูแลทุกข์สุขของประชาชน และมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เมื่อประชาชนขอร้องให้เป่าแอลกอฮอล์​ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง จึงต้องขอฝากไปถึง พลตำรวจ​โท​ สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)​ และ พลตำรวจ​ตรี​ บุญฤทธิ์ รอดมา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 (ผบก.น.7)​ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา​ตรงของสถานีตำรวจ​นครบาล​บางยี่ขัน​ ที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบ​ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยประชาชนที่ขับขี่รถย้อนศรเล็กๆน้อยๆ ยังโดนถึงขนาดนี้


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img