หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยก้าวใหม่ เรียกร้องตัวแทนภาคเอกชนลงพื้นที่สังเกตการณ์รัฐบาลได้ดำเนินการเยียวยาและฟื้นฟูอย่างจริงจังหรือไม่

415

ดร.บิ๊ก คเณศ วังส์ไพจิตร หัวหน้าทีมเศษรฐกิจ พรรคไทยก้าวใหม่ ชี้ ยุบสภาจะทำให้เศรษฐกิจสะดุด ในขณะที่ประชาชนยังต้องจ่ายราคาแพงทุกวัน การยุบสภาอาจเป็นเกมการเมืองของคนบางกลุ่ม แต่สำหรับประชาชน นี่คือช่วงเวลาที่เศรษฐกิจถูก “เหยียบเบรก” พร้อมกันทั้งประเทศ

เมื่อรัฐบาลเข้าสู่สถานะ รัฐบาลรักษาการ ประเทศถูกมัดมือชก นโยบายเศรษฐกิจสำคัญ “ทำต่อไม่ได้” ได้แก่

  • โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและงบลงทุนรัฐใหม่
  • มาตรการแก้หนี้ประชาชนและ SMEs เชิงโครงสร้าง
  • แพ็กเกจดึงดูดการลงทุนและ FDI ระยะยาว
  • โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านคมนาคมและพลังงาน
  • มาตรการเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ภัยพิบัติและจังหวัดชายแดนอย่างจริงจัง

ในขณะที่นโยบายถูกแช่แข็ง ค่าครองชีพไม่เคยหยุดแพง หนี้ครัวเรือนยังเพิ่ม SMEs ล้มเงียบทุกวัน ปลายปี 2568 9 จังหวัดที่ประสบภัยพิบัติ เผชิญรายได้หาย เศรษฐกิจท้องถิ่นหยุดหมุน ขณะที่ จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา การค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนถดถอยถึงหยุดนิ่งจากความไม่แน่นอนด้านความมั่นคง

ดร.บิ๊ก เชื่อ รายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งระบบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อัตราการขยายตัวของ GDP ปี 2568 อาจเหลือ 1.9% จากเดิมที่คาดการไว้ 2.0% ผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้จะทำให้รายได้ในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2568 หดตัว 30,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะลากยาวไปถึงปี 2569 รวมอาจสูงถึง 90,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจในพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากการหยุดชะงักการใช้จ่ายและการผลิตภาคท้องถิ่นอย่างจริงจัง และจากความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา ความเสียหายทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับ กว่า 10,000 ล้านบาท ยังไม่รวมทั้งมูลค่าการค้าชายแดนที่หายไปและผลกระทบข้ามโซ่ห่วงโซ่อุปทานอื่นๆ

รัฐบาลบอกว่า “กำลังดูแล” แต่คำถามคือ ดูแลจริงแค่ไหน และใครตรวจสอบ?

ผมขอเรียกร้องให้ ผู้แทนภาคเอกชน กกร. สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมธนาคารไทย และองค์กรธุรกิจในพื้นที่ ช่วยกันลงพื้นเพื่อติดตามและสังเกตการณ์ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการเยียวยาและฟื้นฟูอย่างจริงจังหรือไม่ เงินเยียวยาถึงมือประชาชนหรือไม่ เศรษฐกิจชายแดนได้รับการประคองอย่างเพียงพอหรือเปล่าเพราะเมื่อการเมืองหยุดตรวจสอบ สังคมและภาคเอกชนต้องไม่เงียบ ประเทศไทยไม่ได้ขาดศักยภาพ แต่ขาดรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มและกล้ารับผิดชอบ และขาดแรงกดดันให้การเยียวยาเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่ในข่าว

การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เลือกคนเข้าไปนั่งในสภา แต่คือการเลือกว่าจะปล่อยให้ประชาชนแบกรับต้นทุนจากความล้มเหลวทางการเมืองต่อไป หรือจะมีรัฐบาลที่ทำงานได้จริง “เศรษฐกิจต้องเดินหน้า และประชาชนต้องไม่ถูกปล่อยให้ยืนลำพัง”