หน้าแรกการเมือง“เทวฤทธิ์” หนุนแรงงานใช้สิทธิลาคลอด 120 วัน หวังนายจ้างร่วมมือ พร้อมย้ำจุดยืนผลักดันสู่ 180 วัน สร้างหลักประกันผู้หญิงไม่ต้องเลือกระหว่างการมีงานทำกับการมีครอบครัว

“เทวฤทธิ์” หนุนแรงงานใช้สิทธิลาคลอด 120 วัน หวังนายจ้างร่วมมือ พร้อมย้ำจุดยืนผลักดันสู่ 180 วัน สร้างหลักประกันผู้หญิงไม่ต้องเลือกระหว่างการมีงานทำกับการมีครอบครัว

นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย กรรมาธิการและที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า การที่พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 9) มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีและเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทยในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน การดูแลเลี้ยงดูบุตร ความเท่าเทียมทางเพศ และงานดูแลที่เคยถูกมองข้ามมาอย่างยาวนาน

ต้องย้ำก่อนว่า 120 วันนี้ เป็นจำนวนที่ลดจากร่างแก้ไขกฎหมายเดิมที่เป็นตัวตั้งต้นที่ 180 วัน อย่างไรก็ตามการเพิ่มวันลาคลอดจากเดิม 90 วัน เป็น 120 วันแสดงให้เห็นว่าการให้สิทธิการลาดูแลบุตรที่เจ็บป่วยและการให้สิทธิคู่สมรสลาช่วยกรณีคลอดบุตรเป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนว่าสังคมไทยเริ่มมองแรงงานในฐานะ “มนุษย์” ไม่ใช่เพียงกลไกทางเศรษฐกิจ เริ่มยอมรับว่างานดูแลสุขภาพบุตรและหญิงหลังคลอดบุตรเป็นส่วนหนึ่งของระบบการทำงานที่ต้องได้รับการคุ้มครอง

ผมขอสนับสนุนให้ผู้ใช้แรงงานทุกคนใช้สิทธิของตนตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงสิทธินี้โดยไม่เลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะนายจ้างทุกภาคส่วนต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ด้วยความตระหนักว่าสิทธิแรงงานไม่ใช่ภาระ แต่คือรากฐานของสังคมที่เป็นธรรมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

ผมเห็นว่าสิทธิการลาคลอดเป็นสิทธิพื้นฐานที่แรงงานทั่วประเทศควรได้รับ ยิ่งสิทธิลาคลอดมากนอกจากจะส่งผลดีต่อแม่และเด็กแล้ว ยังเอื้ออำนวยต่อการสร้างสังคมที่ดีในภาวะที่ปัจจุบันเด็กเกิดน้อย ซึ่งเป็นภาวะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตแรงงานในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อกองทุนประกันสังคมมีเงินร่อยหรอลงทุกวันจนสุ่มเสี่ยงที่จะล้ม การไม่มีกำลังแรงงานเติมเข้ามาในระบบยิ่งซ้ำเติมปัจจัยเสี่ยงนี้ ดังนั้น สิทธิการคลอดที่มากขึ้นจะช่วยส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้ครอบครัวมีลูกมากขึ้น แม่และเด็กมีสุขภาวะที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการทำให้แรงงานที่ลาคลอดกลับมาทำงานอย่างเต็มกำลังโดยไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องงาน ซึ่งหากมองในมุมผู้ประกอบการย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานด้วย

ทั้งนี้ เราไม่ต้องกังวลว่าการเพิ่มสิทธิลาคลอดจะส่งผลให้ผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามซึ่งเป็นชื่อที่ถูกยกขึ้นมาบ่อยครั้งเมื่อกล่าวคำว่า “ย้ายฐานการผลิต” ก็มีสิทธิลาคลอด 180 วันซึ่งสูงยิ่งกว่าไทยเสียอีก ฉะนั้นการลาคลอด 120 วันควรเป็นเพียง “ก้าวแรก” และในอนาคตประเทศไทยควรเดินหน้าผลักดันให้สิทธิการลาคลอดขยายไปสู่ 180 วันเพื่อสอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านสุขภาวะของมารดาและทารก และเพื่อสร้างหลักประกันว่าผู้หญิงจะไม่ต้องเลือกระหว่างการมีงานทำกับการมีครอบครัว

กฎหมายที่ดีจะมีความหมายได้ก็ต่อเมื่อถูกนำไปใช้จริงอย่างเท่าเทียมและต้องได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อเนื่อง หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นทั้งจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง และเป็นฐานในการยกระดับสิทธิแรงงานไทยให้ไปไกลกว่านี้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในเสรีภาพในการสมาคมและการร่วมเจรจาต่อรอง การทำงานและพักผ่อนที่สมดุล จนถึงค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เป็นธรรม

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img