เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2468 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า เฟซบุ๊ก “คดีดัง เสียงจากอดีต” ได้นำเสนอ เหตุคดีดังในคดีต โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมักจะรู้จัก ในบทบาทหน้าที่ เป็นที่ยอมรับกันใหนหมู่ข้าราชการตำรวจและแวดวงสื่อมวลชน แต่เฟซบุ๊กดังกล่าวได้นำ เหตุคดีดังในอดีต ที่มี พล.ต.อ.เอก ซึ่งยศขณะนั้น เป็น ร.ต.อ. ไดัผ่านการเป็นนายตำรวจมือปราบมาก่อน ซึ่งน้อยคนจะรู้ว่าท่านเคยผ่านงานปราบปราบมาในอดีต โดยนำมาเสนอไว้ว่า

“คดีที่ช็อกทั้งประเทศ! ย้อนตำนาน ‘แหกศาลสงขลา 2522’ คดีอุกอาจที่นักโทษ 4 คน บุกจี้ตัว ‘ผู้พิพากษาหญิง’ กลางบัลลังก์ศาล เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์กระบวนการยุติธรรมของไทย!”
บัลลังก์มรณะ
เช้าตรู่วันที่ 15 พฤษภาคม 2522 ณ ศาลจังหวัดสงขลา นางสาวจังหวัด สวนานนท์ ผู้พิพากษาหญิงสาวผู้ทรงเกียรติ ซึ่งเป็นน้องสาวของ นายเดโช สวนานนท์ อธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้น กำลังขึ้นนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีลักทรัพย์และรับของโจร โดยมี นายพะยอม แสงอ่อน เป็นจำเลย
แต่เช้าวันนั้นไม่ได้มีเพียงนายพะยอมเท่านั้นที่ถูกเบิกตัวมา แต่ยังมี “ดาวร้าย” อีกสามคน ซึ่งมาในฐานะพยานในคดีของนายพะยอม แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดคือผู้ที่วางแผนแหกคุกอย่างแยบยล
1.นายเกียรติ ทองเล็ก นักโทษคดีปล้นฆ่า ผู้ที่ใจเหี้ยมและเป็นหัวหน้าแผนการที่แท้จริง
2. นายธงชัย คงทน นักโทษคดีวิ่งราวทรัพย์ ผู้ถูกระบุว่าเป็นผู้วางแผนหลัก
3. นักโทษชายชา บุญญาณี นักโทษคดีลอบวางเพลิง ผู้คอยควบคุมสถานการณ์
ขณะที่การสืบพยานกำลังจะเริ่มขึ้น ความวุ่นวายก็ปะทุขึ้น นายเกียรติ ทองเล็ก ซึ่งถูกเบิกตัวมานอกห้องพิจารณา ได้แสดงความรวดเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เขาใช้เศษเหล็กและด้ามแปรงสีฟันที่แอบยัดไว้ไขโซ่ตรวนออกล่วงหน้า ก่อนจะพุ่งเข้าแย่งปืนจาก จ่าสิบตำรวจ เจ้าหน้าที่ประจำศาลได้อย่างง่ายดาย เขาใช้ปืนตีกระหน่ำเข้าที่ศีรษะของจ่าสิบตำรวจจนล้มคว่ำลง
เสียงปืนดังลั่นขึ้น 1 นัดบนเพดาน เป็นสัญญาณเริ่มต้นของแผนการอุกอาจ!
นายเกียรติและพวกอีกสามคนบุกเข้าสู่บัลลังก์ทันที เขาปรี่เข้าไปหา นางสาวจังหวัด สวนานนท์ ผู้พิพากษา ใช้ปืนกระหน่ำตีเธอจนบาดเจ็บ ก่อนที่ทั้งสี่จะคุมตัวเธอออกจากห้องพิจารณาคดี โดยมีนายพะยอมถือระเบิดมือข่มขู่ตลอดเวลา
เหตุการณ์แหกศาลกลางวันแสก ๆ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่ว นายสุชาติ สุขสมมิตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รีบเข้ามาเจรจากับกลุ่มคนร้ายเพื่อยับยั้งความสูญเสีย แต่กลุ่มวายร้ายยังคงจ่อปืนที่ศีรษะของผู้พิพากษาสาว และเรียกร้องรถยนต์เพื่อหลบหนี พร้อมยืนยันจะนำตัว นางสาวจังหวัด และ นายสุชาติ ไปเป็นตัวประกัน
ขณะเดียวกัน นายสมบูรณ์ ศิริรักษ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษสงขลา ซึ่งได้รับแจ้งเหตุจาก นายเจริญ จิตต์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ก็เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว นายสมบูรณ์ตัดสินใจเสี่ยงชีวิต ด้วยการเสนอตัวแลกเปลี่ยนแทน นายสุชาติ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล! กลุ่มคนร้ายยอมตกลง พวกเขาจัดรถกระบะมาหนึ่งคัน โดยมี นายพะยอม แสงอ่อน รับหน้าที่เป็นคนขับ ในขณะที่ นายเกียรติ ทองเล็ก, นายธงชัย คงทน, และ นักโทษชายชา บุญญาณี ช่วยกันคุมตัวผู้พิพากษาที่บาดเจ็บ นางสาวจังหวัดถูกบังคับให้นั่งอยู่บริเวณกระบะท้ายรถ โดยมีผ้าคลุยตุลาการถูกถลกขึ้นมามัดแขนของเธอไว้ ส่วนนายสมบูรณ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ นั่งที่เบาะหน้าข้างคนขับขบวนรถหลบหนีมุ่งหน้าไปตามถนนสายควรต่อ ที่เชื่อมต่อไปยังอำเภอสะเดา-หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่แทรกซึมของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และเป็นเส้นทางสู่ประเทศมาเลเซียตามแผนของพวกเขา
ระหว่างทาง นายสมบูรณ์ได้สอบถามนายพะยอมเกี่ยวกับการหลบหนี นายพะยอมสารภาพว่า “พวกผมมันมีคดีมาก ก็เลยต้องหนี… ตั้งใจจะหนีไปอยู่มาเลเซีย” นายสมบูรณ์ทราบดีว่าตำรวจติดตามมาอย่างกระชั้นชิด แต่พยายามเจรจาให้คนร้ายปล่อยตัวประกัน โดยบอกว่า “ตำรวจตามมาเพื่อติด ตามดูแล เพราะเป็นผู้พิพากษา เราต้องการจะตามมารับตัวกลับไปเท่านั้น”
เมื่อขับรถไปได้สักพัก นายพะยอมก็ตัดสินใจจอดรถและปล่อยตัว นายสมบูรณ์ ศิริรักษ์ ลงจากรถ โดยกำชับว่าห้ามให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาเด็ดขาด
รถกระบะที่เหลือคนร้ายสามคนและผู้พิพากษาสาวมุ่งหน้าต่อไปจนสุดทางตัน ซึ่งเป็นเขตป่ารกทึบ ทั้งหมดลงจากรถและเดินถอยหลังเข้าป่า โดยที่ นายเกียรติ ทองเล็ก เป็นผู้จ่อปืนที่ศีรษะของนางสาวจังหวัดตลอดเวลา เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ พันตำรวจตรี อารีย์ รมณารักษ์ และ “ร้อยตำรวจตรี เอก อังสนานนท์” รองสารวัตร นำกำลังตามมาทัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนเรียกร้องให้ปล่อยตัวประกัน แต่กลุ่มวายร้ายไม่ยินยอม
ในขณะที่นายเกียรติกำลังเดินถอยหลังอย่างไม่ระมัดระวัง เขากลับก้าวพลาด! เขาและ นางสาวจังหวัด สวนานนท์ พลัดตกลงไปในคูน้ำข้างทางที่มีแต่โคลนตม ผู้พิพากษาสาวตกอยู่ในสภาพที่จมโคลนทั้งตัว นายเกียรติพยายามดึงแขนเธอให้ตามไปด้วยจนแขนแทบหลุด ในนาทีวิกฤตนั้นเอง นายเกียรติ ที่เต็มไปด้วยความตกใจตัดสินใจทิ้งตัวประกันไว้ในโคลนแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป นี่คือโอกาสเดียว! ร้อยตำรวจตรี เอก อังสนานนท์ นำกำลังตำรวจพุ่งเข้าช่วยนางสาวจังหวัดขึ้นมาจากคูน้ำได้อย่างปลอดภัย แม้จะมีเสียงปืนยิงต่อสู้กันดังขึ้น โดย ร้อยตำรวจตรี เอก ถึงกับกระโดดเข้าคร่อมร่างของผู้พิพากษาเพื่อป้องกันไม่ให้เธอถูกกระสุน ถึงแม้ผู้พิพากษาจะปลอดภัย แต่คนร้ายที่เหลืออีกสามคน ซึ่งมีความชำนาญเส้นทางก็อาศัยความชุลมุนหลบหนีมุ่งหน้าสู่เขตมาเลเซียได้สำเร็จ

หลังเหตุการณ์ นายเจริญ จิตต์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้สั่งระดมกำลังตำรวจทั่วจังหวัดเพื่อตามล่าสี่วายร้ายอย่างจริงจัง ความสำเร็จเริ่มมาถึงในคืนวันที่ 29 พฤษภาคม นายพะยอม แสงอ่อน คนขับรถถูกจับกุมตัวได้ที่วัดทุ่งลุง หาดใหญ่ ขณะที่เขากำลังนั่งกินข้าวและพยายามจะคว้าเอาระเบิดสังหารที่วางอยู่ข้างตัวเพื่อต่อสู้ หลังจากการสอบสวนอย่างหนัก นายพะยอมได้ให้การรับสารภาพและเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจ
หัวหน้าแผนการที่แท้จริง คือ นายเกียรติ ทองเล็ก นักโทษคดีปล้นฆ่า นายพะยอม ยังตัดสินใจเปิดเผยแหล่งกบดานของวายร้ายที่เหลือทั้งสามคน ได้แก่ นายเกียรติ ทองเล็ก, นายธงชัย คงทน, และ นักโทษชายชา บุญญาณี
จากคำสารภาพนี้เอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแบ่งกำลังออกเป็นสามสายเพื่อเร่งติดตามตัวสามวายร้ายที่ยังคงหลบหนีให้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมานักโทษทั้งสามคนที่เหลือถูกจับกุมตัวได้ในที่สุดและทั้งสี่คนถูกนำตัวกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและรับโทษตามกฎหมายจากการก่อคดีอุกอาจครั้งประวัติศาสตร์นี้…..
ข้อมูลเพิ่มเติม
– การเตรียมตัวของนักโทษ: นักโทษใช้เศษเหล็กและด้ามแปรงสีฟันที่แอบยัดไว้ไขโซ่ตรวนออกล่วงหน้า ก่อนจะถูกนำตัวจากเรือนจำไปศาล
– ความเกลียดชังต่อผู้พิพากษา: นายเกียรติได้กล่าวหาผู้พิพากษาสาวว่า “ตัดสินคดีแรงนัก รู้ไหม คนเกลียดกันทั้งคุก”
ขอบคุณภาพและเรื่องราวจาก Sanook, Thairath, MGR Online,Wikipedia’s,legendary channel
เรียบเรียง :พี่อัย,เสียงจากอดีต คดีดัง ฝากนักอ่านทุกท่านกดไลค์กดแชร์กดติดตามคอมเม้นเป็นกำลังใจให้แอดมินหาเรื่องมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ
“การเรียบเรียงจากหลายแหล่งข่าวอาจจะมีผิดบ้างถูกบ้างสามารถคอมเม้นชี้แนะแก้ไขให้ทราบได้ค่ะน้อมรับทุกคำติชมของผู้อ่านทุกท่าน” เพจดังกล่าว ระบุ

