งามพิเศษจากป่าลึก—“แข้งไก่ปากหยัก” กล้วยไม้ป่าหายากที่พบในฮาลา–บาลา โชว์เสน่ห์กลีบปากหยักเป็นเอกลักษณ์ ศูนย์วิจัยฯ ชวนประชาชนร่วมอนุรักษ์ พร้อมย้ำ…ความงามบางอย่างควรอยู่ในป่าเพื่อคงระบบนิเวศให้สมบูรณ์ที่สุด

“แข้งไก่ปากหยัก” ความงามล้ำค่าที่ห่วงหา…จากหัวใจป่าฝน
ท่ามกลางป่าดิบหนาทึบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา–บาลา จังหวัดนราธิวาส มีสิ่งมีชีวิตน้อยคนนักจะเคยพบเห็น— “กล้วยไม้แข้งไก่ปากหยัก” หนึ่งในกล้วยไม้ป่าหายากที่งดงามอย่างน่าทึ่ง และเป็นสัญลักษณ์บอกเล่าความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าไทย
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า กล้วยไม้ชนิดนี้เป็นพืชอิงอาศัยเจริญแบบแตกกอ พบได้ในป่าดิบเขตร้อนและป่าดิบแล้งทั่วประเทศ ตั้งแต่ภาคตะวันออกจนถึงภาคใต้ บนระดับความสูง 220 – 1,300 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งบ่งบอกถึงความปรับตัวเฉพาะทางและสภาพแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจงอย่างยิ่ง

เสน่ห์แห่งความงามที่ธรรมชาติบรรจงสร้าง
เมื่อถึงฤดูดอกบานในช่วง กุมภาพันธ์–มิถุนายน ลำลูกกล้วยของมันจะผลิดอก 2–3 ดอก สีขาวครีมแต้มจุดน้ำตาลแดงอย่างอ่อนหวาน
แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ “กลีบปาก” ซึ่งมีลักษณะคล้ายพัด ขอบกลีบหยักเป็นคลื่น และมีสันนูน 2–3 สัน—รูปลักษณ์ที่เป็นที่มาของชื่อ “ปากหยัก” อันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
นอกจากผืนป่าไทยแล้ว กล้วยไม้ชนิดนี้ยังพบได้ในเทือกเขาหิมาลัยของจีน อินเดีย เนปาล ไปจนถึงหมู่เกาะอันดามัน นิโคบาร์ คาบสมุทรมาเลเซีย ลาว เวียดนาม และหลายเกาะใหญ่ในอินโดนีเซีย แสดงถึงการเป็นพืชที่มีเขตการกระจายกว้างแต่ยังคงหายากในธรรมชาติ

ความงามที่เปราะบาง…คู่ควรเพียงผืนป่า
แม้จะเป็นพืชมหัศจรรย์ในเชิงนิเวศ แต่กล้วยไม้ป่าทุกชนิด—including แข้งไก่ปากหยัก—กลับเต็มไปด้วยความเปราะบาง การถอนย้ายออกจากที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติอาจทำให้พวกมันไม่สามารถรอดชีวิตได้ และยังส่งผลต่อระบบนิเวศที่พึ่งพิงกันอย่างละเอียดอ่อน
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ จึงย้ำชัดว่า
“ความงามของกล้วยไม้ป่า…ควรชื่นชมในป่าเท่านั้น เพื่อให้ธรรมชาติยังคงสมบูรณ์สำหรับคนรุ่นต่อไป”
การอนุรักษ์เริ่มต้นง่าย ๆ จากความเข้าใจและไม่รบกวนวิถีของสิ่งมีชีวิตในป่า เพราะสิ่งล้ำค่าบางอย่าง เมื่อหลุดจากถิ่นกำเนิด ก็อาจสูญหายไปตลอดกาล

