วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15.19 น. ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บินด่วนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและวาตภัยในจังหวัดสงขลา และประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์และวางมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนการประชุมมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานทหาร ตำรวจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมรายงานสถานการณ์ และรับนโยบายเพื่อเร่งดำเนินการในพื้นที่

นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในสถานการณ์น้ำท่วม สิ่งสำคัญที่สุดคือการช่วยเหลือประชาชนให้รวดเร็วและทันท่วงที
“ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสว่า ฝนตกเพราะอะไร น้ำมาจากไหน แต่ต้องโฟกัสว่า จะช่วยพี่น้องประชาชนได้อย่างไรให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมสูง ต้องเร่งส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ และสิ่งของจำเป็นเข้าไปให้ถึงมือ และประสานทุกหน่วยงานให้การช่วยเหลือครอบคลุมทุกพื้นที่”
นายกรัฐมนตรี กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายทุกระดับ ทำงานบูรณาการ 24 ชั่วโมง พร้อมย้ำว่า สายด่วนสาธารณภัย 1784 ต้องพร้อมรับแจ้งเหตุและประสานช่วยเหลือประชาชนตลอดเวลา

ด้าน นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รายงานว่า จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ ร่วมกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรง พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ส่งผลให้จังหวัดสงขลามีฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่องในช่วงวันที่ 19–23 พฤศจิกายน 2568 ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยและวาตภัยในหลายพื้นที่
ตั้งแต่วันที่ 20–22 พฤศจิกายน 2568 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 16 อำเภอ 70 ตำบล 395 หมู่บ้าน 1 ชุมชน รวม 28,940 ครัวเรือน 77,374 คน โดยยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ขณะเดียวกันเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ได้ประกาศ “ยกธงแดง” ใน 103 ชุมชน ให้ประชาชนอพยพและเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง พร้อมติดตามการแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิดผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) แล้ว 10 อำเภอ ได้แก่อำเภอรัตภูมิ เมืองสงขลา บางกล่ำ ระโนด สิงหนคร ควนเนียง หาดใหญ่ คลองหอยโข่ง นาหม่อม และจะนะ พร้อมจัดตั้ง ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าอำเภอหาดใหญ่ มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และจัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ 2 จุด คือ โรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) และโรงเรียนเทศบาล 4 (วัดคลองเรียน)

ในด้านการระบายน้ำและบรรเทาสถานการณ์ จังหวัดได้ติดตั้ง เครื่องสูบน้ำรวม 80 เครื่อง ใน 68 จุดสำคัญ จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมระดมเรือท้องแบน รถยกสูง และอุปกรณ์ช่วยเหลือจากหน่วยทหาร ปภ. และเครือข่ายมูลนิธิอาสาสมัครลงพื้นที่ลุยน้ำช่วยเหลือประชาชน
เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. ตำรวจ และจิตอาสา ลงพื้นที่อำนวยความสะดวกด้านการอพยพ ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ดูแลการจราจรในจุดเสี่ยง และแจกจ่ายกระสอบทราย ข้าวกล่อง น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม ให้กับผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง และครอบครัวที่บ้านเรือนเสียหาย
ขณะนี้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ริมคลองและริมทะเล รวมถึงพื้นที่การเกษตรหลายแห่ง เส้นทางสายหลักบางช่วง เช่น ถนนสาย 43 ขาเข้าอำเภอหาดใหญ่ บริเวณบ้านพรุเมา อำเภอนาหม่อม และถนนทางหลวง 406 (ถนนยนตรการกำธร เส้นสตูล–สี่แยกคูหา) มีน้ำท่วมผิวการจราจร แต่ยังสามารถสัญจรได้ โดยปริมาณน้ำในแม่น้ำลำคลองหลายสายยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สถานการณ์ปัจจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงใน 3 อำเภอหลัก ได้แก่อำเภอรัตภูมิ 5 ตำบล 63 หมู่บ้าน 1,875 ครัวเรือน 5,025 คนอำเภอหาดใหญ่ 5 ตำบล 24 หมู่บ้าน 1 ชุมชน 1,348 ครัวเรือน 4,240 คนอำเภอนาหม่อม 4 ตำบล 24 หมู่บ้าน 479 ครัวเรือน 1,758 คน
โดยมีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ อำเภอหาดใหญ่ทุกพื้นที่ 13 ตำบล 15 ท้องถิ่น 130 ชุมชน กว่า 80,000 คน รวมทั้งอำเภอนาหม่อมและรัตภูมิทุกตำบล และพื้นที่ลุ่ม–ริมทะเลของอำเภอระโนด
ด้านการช่วยเหลือในจังหวัดอื่นของภาคใต้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย พร้อมติดตามมาตรการป้องกันและฟื้นฟู
นายกฯ อนุทิน ย้ำในที่ประชุมว่า ให้ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจัดระบบช่วยเหลือแบบ “ถึงบ้าน–ถึงคน–ถึงกลุ่มเปราะบาง” ทำงานแข่งกับเวลา และรายงานสถานการณ์เข้าส่วนกลางอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน แจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนสาธารณภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ปลัดอำเภองานป้องกันทั้ง 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรีมีกำหนดลงพื้นที่บริเวณสี่แยกโรงปูน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดวิกฤตน้ำท่วมของอำเภอหาดใหญ่ เพื่อมอบถุงยังชีพและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

