นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยหลังประชุมประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตาม พ.ร.ก.ป้องกันและปรามปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มาตรา 13 ครั้งที่ 9/2568 และการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568
โดยมีการหารือครั้งนี้มีการพิจารณาแนวทางเบื้องต้นการ “บังคับ” เก็บข้อมูลโลเกชั่น หรือ “ตำแหน่ง” ของผู้ใช้งานบนแอปพลิเคชั่นธนาคาร หรือ Mobile Banking
“ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาเบื้องต้นในมาตรการใช้งาน Mobile Banking ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องเปิดการระบุตำแหน่ง (Location) ในการทำธุรกรรมการเงิน โดยมาตรการนี้จะต้องคำนึงถึงการไม่ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะมีการจำกัดการเข้าถึงเฉพาะในขณะที่จะต้องใช้เป็นหลักฐาน เมื่อเป็นการก่อเหตุของสแกมเมอร์เท่านั้น”
นายไชยชนกกล่าวด้วยว่า เดิมที่ธนาคารมีการขอเก็บข้อมูลโลเกชั่นอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะเปิดหรือปิดได้ตามความประสงค์
“แต่ถ้าคุณเป็นสแกมเมอร์คุณก็คงเลือกที่จะไม่เปิดให้ความยินยอม ซึ่งเราเห็นว่าการเก็บข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าถึงตำแหน่งของสแกมเมอร์ที่ก่อเหตุได้”
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย ยังได้เร่งบูรณาการข้อมูลบัญชี (Account Bureau) ระหว่างธนาคาร เพื่อการเฝ้าระวังและตรวจสอบการเปิดบัญชีของบุคคลที่มีความเสี่ยง รวมทั้งยกระดับการตรวจสอบเข้มข้นในกรณีของการเปิดบัญชีใหม่
ด้านมาตรการควบคุมดูแลแพลตฟอร์ม ได้มอบหมายให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) หารือเรื่องการยกระดับมาตรฐานการยืนยันตัวตน (KYC) ร่วมกัน รวมถึงการพิจารณาการออกกฎหมายกำกับดูแลแพลตฟอร์ม
โดยให้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อความเสียหายจากสแกมเมอร์ที่เกิดขึ้นกับประชาชน รวมทั้งมอบหมายให้มีการตรวจสอบคำนิยามของ “การโฆษณา” ในแพลตฟอร์ม หรือเว็บไซต์ Search Engine เพื่อดำเนินการกำหนดมาตรการป้องกันการค้าหา URLs ผิดกฎหมาย
“มาตรการซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณานั้น ถือว่าเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญ เพื่อตัดการเชื่อมโยงช่องทางในการก่อเหตุของสแกมเมอร์ โดยคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญ คือการป้องกันไม่ให้สแกมเมอร์สร้างความเสียหายและผลกระทบแก่ประชาชน” นายไชยชนกกล่าว

