หน้าแรกบทความ”ท่วม-แล้ง”ปัญหาซ้ำซาก เสมือนรัฐไร้แผนแก้ระยะยาว เปิดช่องให้อินฟลูฯ รับบริจาค

”ท่วม-แล้ง”ปัญหาซ้ำซาก เสมือนรัฐไร้แผนแก้ระยะยาว เปิดช่องให้อินฟลูฯ รับบริจาค

เชื่อว่าชาวกรุงเทพฯต่างลุ้นระทึกว่าจะเจอมหาอุทกภัยแบบปี 2554 หรือไม่ เพราะเขื่อนที่ต้องระบายน้ำลงสู่แม่เจ้าพระยาอย่างน้อย 3-4 แห่ง เพราะปริมาณแทบจะล้นความจุต้องเร่งระบายออกป้องกันเขื่อนแตก

แม้ว่ากรมอุตุนิยมวิทยาจะทำนายว่าปริมาณฝน พื้นที่ภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยสภาพอาการแปรปรวนเกิดพายุวนๆเฉียดๆไทยอยู่ประจำ ทำให้วางใจไม่ได้ว่าการพยากรณ์นั้นจะแม่นยำ

แต่ที่แน่ๆชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่นครสวรรค์ยันสมุทรปราการ บ้านเรือนจมบาดาลอย่างทั่วถึง ยิ่งพื้นที่อยู่ในแอ่งของภาคกลางอาทิ พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมไปแล้ว 11 อำเภอ อย่าง อ.บางบาล ชาวบ้านต้องทนทุกข์กับน้ำท่วมกว่า 4 เดือนแล้ว รวมถึง ชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง ต่างเดือดร้อนไปตามๆกัน

จังหวะที่เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพิ่มการบายน้ำเกือบ 3,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่งผลให้หลายพื้นที่น้ำท่วมสูงขึ้น

ทั้งหมดล้วนมาจากผลของการบริหารจัดการน้ำแบบไร้แผนของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมชลประทาน ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความขัดแย้งถึงขั้นระดมกำลังไล่รื้อเขื่อนป้องกันน้ำท่วม บางแห่งหวิดปะทะกัน จนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต้องวิ่งแจ้นไปเจรจา ระหว่างเจรจาจะโยนไปที่ข้าราชการในพื้นที่ ทั้งที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ ให้เร่งตัดสินใจอีกต่างหาก

ปัญหาน้ำท่วมชาวบ้านในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็น สุโขทัย พิจิตร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เป็นต้น เมื่อถึงฤดูฝนจะต้องจมบาดาลทุกปี แบบซ้ำซาก

ขณะที่รัฐบาลคือเจ้าภาพหลักในการแก้ปัญหา แทบจะไร้แผนแม่บททั้งป้องกันและแก้ไข ส่วนใหญ่จะแก้แบบเฉพาะหน้า แต่ละปีจัดงบประมาณกระจายไปอยู่ในหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทำให้การแก้ปัญหากลายเป็นต่างฝ่ายต่างทำขาดการประสานงานอย่างเป็นระบบ ปัญหาจึงย่ำอยู่กับที่

โครงการแต่ละโครงการที่ผลักดันลงไปจะตกอยู่ในมือของบริษัทรับเหมาที่เป็นเครือข่ายนักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น รวมถึงข้าราชการทั้งระดับกรมและจังหวัด  หลายโครงการถูกทิ้งร้าง บางโครงการทำเสร็จแล้วไม่สามารถใช้แก้ปัญหาได้ เพราะไปสร้างผิดจุดและที่สำคัญแต่ละโครงการเงินทอนจะสูงและถูกแจกจ่ายไปให้ผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกปีเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ฝนถล่มหนักๆ จะปรากฏข่าวอ่างเก็บน้ำแตก ฝายพัง เขื่อนกั้นริมแม่น้ำพังทรุด สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอย่างทั่วถึง นักการเมืองและข้าราชการอิ่มท้องกันทั่วหน้า

ถ้าย้อนดูถึงความต้องการของรัฐบาลที่ต้องการจะปัญหาแบบระยะยาวและแก้ปัญหาพื้นที่ท่วมซ้ำซากให้หมดไป จะมีแต่เพียงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้นที่วางงบประมาณไว้ประมาณ 3 แสนล้าน แต่โครงการฯต้องสะดุดและพับไปเพราะถูกองค์กรอิสระเตะขา เหมือนโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 ล้านล้านที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนแนะนำไปสร้างถนนลูกรังให้หมดก่อน

ต่อมาเผด็จการทหารภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง แต่บทสรุปสุดท้ายไร้ผลเพราะปัญหายังวนเวียนซ้ำซากเหมือนเดิม พร้อมเปิดโอกาสให้บรรดารัฐมนตรีและส.ส.ได้ลงพื้นที่แจกของพร้อมถ่ายรูปลงสื่อโซเซียลให้แฟนคลับได้อวยกันอย่างทั่วหน้า ขณะที่ผู้ประสบภัยอยู่ในอาการน้ำตานองหน้า หมดเนื้อหมดตัวเพราะทรัพย์สินถูกน้ำท่วมเสียหาย

รวมถึงเปิดโอกาสให้บรรดาอินฟูลเอนเซอร์ทั้งหลายใช้เป็นช่องทางเปิดรับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยกันอย่างเอิกเกริก เปิดรับทั้งในนามส่วนตัวและมูลนิธิ รับทั้งเงินและเครื่องอุปโภคบริโภค

เมื่อปัญหาบรรเทาลงสังคมหรือชาวบ้านที่บริจาคผ่านอินฟูลเอนเซอร์เหล่านั้นแทบจะไม่ได้เห็นตัวเลขยอดบริจาคและตัวเลขที่แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยเลย แถมบางมูลนิธิเป็นเครื่องมือให้กลุ่มธุรกิจสีเทาฟอกเงินอีกต่างหาก

จากบริบทที่ยกมาเพื่อสะท้อนว่ารัฐบาลเกือบทุกชุด ขาดความจริงจังในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยรวมถึงปัญหาภัยแล้งและฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่ชาวบ้านต้องเผชิญในทุกปี

แต่ในทางตรงข้ามงบประมาณกลับเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณแล้วไปตุงอยู่ในกระเป๋าของผู้เกี่ยวข้อง อย่างล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติชี้มูลความผิดอดีตผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งขวา สำนักงานชลระทานที่ 13 ร่ำรวยผิดปกติ ไม่สามารถแสดงที่มาของเงินจำนวน 14,050,000 บาทได้

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อฤดูร้อนแล้งหรือฤดูน้ำหลากพื้นที่ที่เคยมีปัญหาซ้ำซากแต่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ชาวบ้านจะพูดถึงแต่โครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นหลัก อย่างพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พอเข้าสู่ฤดูฝนน้ำเริ่มหลากเดิมหาดใหญ่เคยท่วมประจำแต่หลายปีที่ผ่านมาชาวบ้านจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยท่วมเลยเพราะมีคลอง ร.1 (ชื่อทางการคลองภูมินาถดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระทานชื่อให้) แต่ชาวบ้านมักจะเรียกติดปากว่าคลอง ร.9

ขณะที่โครงการของรัฐจะพูดถึงในทำนองว่านักการเมืองและข้าราชการได้เงินทอนเท่าใด มากกว่างบประมาณที่ใช้ก่อสร้างหรือไม่ ?    

จากนั้นก้มหน้าก้มตาเผชิญกับปัญหาต่อไปในฐานะแค่ผู้อาศัย !!!


   

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img