“สส.วรภพ” ซัด Quick Big Win พลังงาน นายทุน ได้ แต่ ปชช. ต้องจ่ายค่าไฟแพง

668

กรุงเทพฯ, วันที่ 9 พ.ย. – วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน รัฐบาลชู “Quick Big Win” ด้านพลังงาน แต่รูปเกมตอนนี้ทำท่าว่าจะกลายเป็น ทุนพลังงาน Win ผู้ใช้ไฟต้องจ่าย เพราะยังเดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนเพิ่มรัวๆ ในราคาแพงราคาเดิม โดยไม่ประมูล ทั้งที่ต้นทุนเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ลดลงต่อเนื่อง และระบบมีไฟฟ้าสำรองล้นอยู่ราว 19,000 เมกะวัตต์ อยู่แล้วตอนนี้

ขณะที่โครงการรับซื้อไฟหมุนเวียนรอบเพิ่มเติม 3,600 MW ที่รัฐบาลแพทองธารเดินหน้า 2,100 MW เดิมมีมติ ชลอเพื่อให้ไปเจรจาลดราคา หลังจากที่พรรคประชาชนจี้ มีพิรุธ ทุจริตนโยบาย 4 ประเด็น ตั้งแต่ 1.ซื้อโดยไม่จำเป็นเพราะไฟล้นอยู่แล้ว 2.ซื้อซ้ำซ้อนกับการเปิดเสรีไฟฟ้า 2,000 MW 3.ซื้อราคาแพงที่กำหนดไว้ 3 ปีที่แล้ว ไม่ยอมเปิดประมูล 4.มีการล็อคโควต้าให้เอกชนรายเก่าได้สิทธิก่อน แต่พอเปลี่ยนเป็นรัฐบาลอนุทิน กลับมีมติสั่งเดินหน้าต่อที่ราคาเดิม ไม่เจรจาลดราคารับซื้อเลย แม้ต้นทุนลดลง หากปล่อยให้ไปถึงขั้นลงนามสัญญา เท่ากับ ล็อกราคาอีก 25 ปี ภาระสุดท้ายตกที่ผู้ใช้ไฟทั้งประเทศ

วรภพ กล่าวว่า นอกจากไม่แก้ของเก่า กลับมีแนวโน้ม “ซื้อเพิ่ม” อีก 1,500 MW ในนาม “โซลาร์ชุมชน” ฟังดูดี แต่ ราคาที่รัฐจะต้องจ่ายรับซื้อกลับแพงขึ้น เพิ่มจาก 2.17 เป็น 2.25 บาท/หน่วย ต่าง 8 สตางค์ สุดท้ายค่าใช้จ่ายนี้ถูก “เฉลี่ย” กลับมาที่บิลของประชาชนทั้งประเทศ ทั้งที่เรายังมีไฟเกินความจำเป็น โดยยกข้ออ้างว่าชุมชนหรือท้องถิ่นที่กลุ่มทุนพลังงานไปลงทุนจะได้ใช้ไฟฟ้าถูกลง ซึ่งก็เป็นเพราะรัฐยินดีที่จะรับซื้อไฟฟ้าแพงขึ้น แล้วให้คนทั้งประเทศมาหารจ่ายค่าไฟแพงแทน

สส.พรรคประชาชน กล่าวถึงการเปิดเสรีผ่าน Direct PPA ที่ให้ผู้ผลิตผู้ใช้ไฟสะอาดซื้อขายโดยตรงผ่านการเช่าสายส่งเดิม ว่า ตัวเลขค่าเช่าสายส่ง (wheeling charge) ที่กำลังถูกประกาศรับฟังความคิดเห็นกำหนดไว้ที่ 1.66-3.00 บาท/หน่วย ขณะที่ต้นทุนสายส่งในระบบไฟฟ้าเดิมอยู่เพียง 1 บาท/หน่วยเท่านั้น นี่คือการกำหนดค่าใช้ระบบสายส่งที่ต้นทุนแพงขึ้น 2-3 เท่า ทำให้การริเริ่มไปสู่การเปิดเสรีไฟฟ้า น่าจะไม่บรรลุผล และทำให้ความน่าสนใจลงทุนในประเทศไทยลดลง นักลงทุนพลังงานสะอาดลังเล ประเทศเสียความสามารถในการแข่งขัน ถ้าไม่มีไฟฟ้าสะอาดในราคาที่เหมาะสมและแข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ทำได้ไปแล้ว

นอกจากนี้ วรภพ ยังได้กล่าวถึง แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan – PDP) ว่า 4 เดือนจากนี้คือ “หน้าต่างเวลา” สำคัญ ต้องเร่งทบทวน PDP ใหม่ ให้สอดคล้องเป้า Net Zero อย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วม ซึ่งระหว่างทบทวนแผน PDP ตามหลักการแล้วควรจะต้องชะลอการอนุมัติรับซื้อไฟเพิ่ม และร่างแผน PDP ที่จะทบทวน ไม่ควรที่จะเพิ่มโรงไฟฟ้าฟอสซิล และ ทบทวน LNG Terminal 3 ที่จะกลายเป็นต้นทุนค้างในระบบไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น

“สิ่งที่รัฐบาลทำได้ทันที ใช้มติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งนายกฯ เป็นประธานอยู่แล้ว ยกเลิกการรับซื้อเดิมก่อนลงนามสัญญา, จัด ค่าเช่าสายส่งที่ยุติธรรม ให้เท่าเทียมระหว่างไฟในระบบเดิมกับธุรกรรม Direct PPA, และออก PDP ใหม่ ด้วยข้อมูลโปร่งใสเพื่อให้ การเปิดเสรี แปลผลเป็น บิลค่าไฟที่ถูกลง ของทุกบ้าน ไม่งั้น Quick Big Win จะกลายเป็น ทุนพลังงาน Win แต่ประชาชนต้องมาทนจ่ายค่าไฟแพงแทน” สส.พรรคประชาชน กล่าว