ผบ.ตร. ชูแนวคิด “ร่วมมือปราบหลอกลวง–ขัดขวางฉ้อโกง–ปกป้องประชาชน” ทุกชาติพร้อมแลกข้อมูล-เดินหน้าปราบสแกมเมอร์ ย้ำหากพบตำรวจหรือการเมืองเอี่ยว ไม่เว้นสอบ–ดำเนินคดีทันที
ผบ.ตร. ปิดประชุม ASEANAPOL ครั้งที่ 43 ชูแนวคิด ร่วมมือปราบหลอกลวง-ขัดขวางฉ้อโกง-ปกป้องประชาชน เผยทุกประเทศร่วมจับมือสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ

วันนี้ ( 6 พ.ย.68) เวลา 15.30 น. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ไฮแอดเอราวัณ กรุงเทพฯ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน(ASEANAPOL) ครั้งที่ 43 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้หัวข้อ ร่วมมือปฏิบัติการ: ปราบปรามการหลอกลวง ขัดขวางการฉ้อโกง และปกป้องประชาชน” ระหว่างวันที่ 3-7 พ.ย. 2568

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ กล่าวว่าการประชุมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นอย่างดี ซึ่งทุกประเทศมองว่าปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรง ซึ่งหน้าที่ของตำรวจสากล คือ การร่วมมือในการสอบสวนผู้ต้องหา การส่งข้อมูลพยานหลักฐานระหว่างประเทศ โดยตำรวจไทยได้มอบหมายให้กองการต่างประเทศ เป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างกัน โดยได้เสนอแนวคิดในการปฏิบัติต่อที่ประชุมหลายประเด็น ทั้งการบังคับใช้กฎหมายและการขอความร่วมมือในการปฏิบัติ ,การแลกเปลี่ยนวิธีการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน และเครื่องมือในการประสานงานอย่างรวดเร็ว ตลอดจนการอบรมเรื่องการคัดแยกเหยื่อ

ส่วนเรื่องบทลงโทษกับประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะแต่ละประเทศจะมีกฎหมายของตัวเอง รวมทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ บันทึกข้อตกลงระหว่างประเทศ กระบวนการทางการทูต กระทรวงการต่างประเทศเข้าม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นการแสวงหาความร่วมมือในการปฏิบัติ การบังคับใช้กฎหมาย และการส่งตัวผู้กระทำความผิดตามกระบวนการจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่า

ส่วนที่มีการเปิดเผยว่าอาจมีนักการเมือง และข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์นั้น ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีการจัดเก็บข้อมูลสถิติไว้แล้ว ซึ่งการเปิดเผยว่ามีบุคคลชื่อย่อ และมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์นั้นเป็นเพียงคำพูด ยืนยันว่าหากมีพยานหลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พร้อมใช้อำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องอย่างไม่ละเว้น ซึ่งในกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นก็จะต้องมีการเชิญตัวบุคลคลที่พูดเรื่องนี้มาให้ข้อมูลในฐานะผู้กล่าวหาหรือพยานด้วย

