4 สมาคมตำรวจรวมพลัง ยื่น ผบ.ตร.เอาผิด“สุรเชษฐ์-อัจฉริยะ” ปมกล่าวหาองค์กรตำรวจเป็นอาชญากรรมใหญ่สุด-พร้อมจัดการตำรวจไม่ดี

454

สมาคมตำรวจ 4 องค์กร นำโดยอดีต รองผบ.ตร.ร้องดำเนินคดีทางวินัยและอาญา “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” และ “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” หลังให้สัมภาษณ์กล่าวหาสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็น “องค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่” ทำลายความศรัทธาประชาชน ด้านโฆษก ตร. ย้ำ “ผบ.ตร.ไม่ตอบโต้ด้วยวาทกรรม แต่ตอบด้วยผลงานจับกุมและปฏิบัติงานจริง”

วันที่ 5 พ.ย. 68 เวลา​ 10.00น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมาคมตำรวจ 4 องค์กร ประกอบด้วยสมาคมตำรวจ, สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, ชมรมพนักงานสอบสวน และชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ นำโดย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม

สืบเนื่องจากการออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่าง ๆ กล่าวหา สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็น “องค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ” และอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งสร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรอย่างรุนแรง

พล.ต.อ.วินัย ระบุว่า การให้ข่าวดังกล่าวเป็นการทำลายชื่อเสียงและบั่นทอนศรัทธาที่ประชาชนมีต่อองค์กรตำรวจ ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี หากทั้งสองมีข้อมูลหรือหลักฐานจริง ก็ขอให้นำมามอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิสูจน์ และลงโทษตำรวจที่ไม่ดีให้ถึงที่สุด แต่หากเป็นการกล่าวหาโดยไม่มีมูล จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นกันพร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในฐานะอดีตนายตำรวจระดับสูง ว่ามีพฤติกรรม “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น” อาจเกิดจากความผิดหวังต่อการถูกให้ออกจากราชการ ย้ำว่า 4 ประชาคมตำรวจจะติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด​และการออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นกระบอกเสียงให้​ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯแต่ต้องการปกป้องและกอบกู้ศรัทธาตำรวจ​พร้อมระบุว่าตนเองไม่เคยยกหูคุยทางโทรศัพท์กับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ​หลังจากที่ออกมากล่าวหาเนื่องจากมองว่าโตๆกันแล้ว

ด้าน พล.ต.ต.ไอยศูนย์ สิงหนาท ประธานสมาคมตำรวจสาขานครราชสีมา ระบุว่า ข้าราชการตำรวจระดับปฏิบัติงานจำนวนมากรู้สึกเสียกำลังใจ และไม่พอใจที่องค์กรถูกโจมตีในลักษณะเหมารวม ทั้งที่เจ้าหน้าที่จำนวนมากทำงานอย่างเสียสละ​และขอให้ตนเองออกมาดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดเพราะทำให้บั่นทอนกำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมยอมรับว่าเสียดายพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯที่ตนเองรู้จักและติดตามการทำงานมาโดยตลอดทั้งๆที่เป็นตำรวจหนุ่มไฟแรงและมีอนาคตที่สดใสแต่กลับมากล่าวหาใส่ร้ายองค์กรตำรวจที่ตนเองเติบโตมา

ขณะที่ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ออกมาตอบโต้ด้วยตัวเองว่า​ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเลือกตอบโต้ด้วยผลงาน มากกว่าการโต้เถียงผ่านสื่อ ประชาชนต้องเห็นการจับกุมและผลปฏิบัติงานเป็นรูปธรรม ซึ่งมีให้เห็นต่อเนื่องพร้อมยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับทุกฝ่ายที่กล่าวหาองค์กรโดยไร้หลักฐาน เพื่อปกป้องชื่อเสียงองค์กรและความเชื่อมั่นของประชาชน

แถลงการณ์ร่วม(ฉบับเต็ม)​

สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนทนายร้อยตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวน และชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ

สืบเนื่องจากสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบางราย ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับกลุ่มสมาคมมืดและการพนันออนไลน์ ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจากกรณีดังกล่าว สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนทนายร้อยตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวน และชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ มีความเป็นห่วงและจะกำหนดถึงความสำคัญของความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความยุติธรรมในประเทศเกิดสิ่งทำให้เสื่อมเสียในสถาบันธรรม จึงมีความเห็นสมควรประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้องผ่านแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้

  1. ขอให้ท่าน ผบ.ตร. เร่งรัดดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาต่อผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและรวดเร็ว

องค์กรตำรวจทั้ง 4 นี้ ขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยอิสระ โปร่งใส และรวดเร็ว เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในกรณีที่มีการกล่าวหาตำรวจบางรายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ปรากฏต่อสาธารณะและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และหากพบว่ามีผู้ใดกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนระเบียบวินัยกระทำผิดจริง ขอให้เร่งดำเนินคดีทางอาญาและวินัยอย่างเสมอภาคต่อเจ้าหน้าที่ทุกนาย โดยไม่มีข้อยกเว้น ตลอดจนเร่งรัดปราบปรามกลุ่มแผนงสมมติและการพนันออนไลน์ให้เป็นรูปธรรมชัดเจนโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพื่อแสดงให้เห็นว่าจะไม่มีการปกป้องหรือเกื้อกูลกันในการกระทำผิด

  1. ข้อเสนอและความเห็นต่อกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ให้สัมภาษณ์ว่า “…ตำรวจ คือ แก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย…” นั้น

โดยภาพ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีเจตนาที่ต้องการชี้ถึงปัญหาภายในองค์กรตำรวจ และในส่วน ในการปกป้องเรื่องการกระทำผิดของหน่วยและสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดจากฝีมือไปในทิศทางที่ยังรับผลประโยชน์ อย่างอื่น ในมุทหลังที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เอง เคยเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และอยู่ในตำแหน่งกำกับหน่วยงานหลัก มาก่อน ก็ควรจะมีข้อมูลที่ชัดเจน อ้างอิงว่ามีข้อมูลอยู่ในกระบวนการยุติธรรมอย่างชัดเจนเพื่อประกอบคำชี้แจง เพื่อให้การวิพากษ์รูปแบบการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามหลักฐานที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งข้อเสนอให้เกิดการปฏิรูปองค์กรตำรวจจากภายในแต่ไม่ใช่การกล่าวเหมารวมว่าตำรวจทั้งหมดเป็นอาชญากร ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตเสียหาย ทั้งยังอาจเป็นการบั่นทอนขวัญกำลังใจและศักดิ์ศรีของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทเพื่อความสงบสุขของสังคมและประเทศชาติรวมทั้งยังอาจเกิดความขัดแย้งและความแตกแยกภายในองค์กรตำรวจโดยรวมด้วย

ดังนั้น ในกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้แถลงข่าวและได้พาดพิงภาพลักษณ์ของตำรวจที่ทำงานเสียหายและกล่าวให้อธิบดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อสังคม โดยสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ถูกต้อง

ทั้ง 4 องค์กรนี้จึงขอการกล่าวโดยปราศจากข้อมูล หรือหลักฐานที่ชัดเจน อาจเกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจโดยรวม จึงขอเสนอแนะให้ทุกฝ่ายดำรงไว้ซึ่งความเคารพในกระบวนการยุติธรรม และใช้ข้อเท็จจริงเป็นหลักฐานในการแสดงความคิดเห็น เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจอีกจำนวนมากที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

สมาคมตำรวจ สมาคมโรงเรียนทนายร้อยตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวน และชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ ขอแสดงจุดยืนสนับสนุนความโปร่งใสและความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม เรียกร้องให้ท่านตำรวจทุกข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดโดยไม่มีข้อยกเว้น พร้อมสนับสนุนให้ทุกฝ่ายใช้ข้อมูลและหลักฐานที่ถูกต้องเป็นฐานในการแสดงความคิดเห็น เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และขอขอบคุณประชาชนและสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจและติดตามสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่ายจะติดตามการดำเนินการทุกขั้นตอนให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคมและประเทศชาติต่อไป