“สส.ตี๋” สับ รบ.นิ่ง ปล่อยคนไทยทนทุกข์แม่น้ำเป็นพิษจากเหมืองเมียนมา แต่เร่งทำ MOU แร่แรร์เอิร์ธ เอื้อ ปย.ต่างชาติ

583

เชียงใหม่, วันที่ 5 พ.ย. – “สส.ตี๋” ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน กล่าวถึงปัญหาสารพิษจากการทำเหมืองแร่ในประเทศเมียนมาไหลมาปนเปื้อนในแม่น้ำสายหลักในภาคเหนือของประเทศไทย ว่า  แม่น้ำจากเหมืองแร่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นพิษทุกสาย จากแค่น้ำกก-สาย ตอนนี้ลามมาที่แม่น้ำสาละวิน  ขณะที่รัฐบาลอืดอาดไม่แก้ที่ต้นตอ แต่น่าแปลกใจที่กลับ เร่งรีบจัดการลับ ๆ ทำ MOU แร่แรร์เอิร์ธ 4 วันจบ ผลประโยชน์ของประเทศอื่นจัดการรวดเร็ว แต่ปัญหาของประเทศไทยกลับนิ่งเฉย ไม่ทำอะไรเลย

ภัทรพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ทางภาคเหนือ คือ ปัญหาแม่น้ำเป็นพิษจากการทำเหมืองแร่ในเมียนมา แล้วส่งของเสียผ่านแม่น้ำ ไหลเข้าสู่ประเทศไทยทางจังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ที่รัฐบาลทั้งชุดนี้ รวมถึงชุดที่แล้วเพิกเฉย ไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ และยังรับมือกับปัญหาภายในประเทศกันแบบลวก ๆ และตอนนี้ไม่ใช่เพียงน้ำกก น้ำสาย แต่ยังพบน้ำสาละวิน ที่ไหลเข้าทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิษเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเปรียบเทียบการแก้ปัญหานี้กับการเซ็น MOU แร่แรร์เอิร์ธกับสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ก่อน ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกัน แต่ผลลัพธ์การทำงานต่างกันชัดเจน เพราะรัฐบาลทำงานกันไวมากกับการเอื้อประโยชน์ให้สหรัฐอเมริกา เร่งรัดและรวดเร็วมาก 4 วันจบ แต่กับปัญหาของประชาชนคนไทย ในเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันโดยตรง กับอืดอาดชักช้า ไม่มีอะไรขยับเลย

สส.เชียงใหม่ ไล่เรียงไทม์ไลน์ของ MOU ว่า จันทร์ที่ 20 ต.ค. กระทรวงต่างประเทศ (กต.) ของไทย ได้รับร่าง MOU ฉบับนี้จากสหรัฐ พุธที่ 22 ต.ค. กต. เรียกประชุมร่าง MOU โดยมี กรมอุตสาหกรรมเหมืองแร่ กรมเจรจาระหว่างประเทศ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ BOI มาเข้าร่วมประชุมหารือแก้ไขร่างขั้นต้น โดยมีการแก้ไขจากดราฟแรกที่สหรัฐส่งมาเพียง 4 จุด พฤหัสบดี 23 ต.ค. เช้า กรมเหมืองแร่ และกรมทรัพยากรธรณี เข้าชี้แจงรองนายกที่ดูแลกระทรวงอุตสาหกรรม (สุชาติ ชมกลิ่น) วันเดียวกันคณะรัฐมนตรีมีการประชุมลับเพื่อพูดคุยเนื้อหาร่าง MOU โดยไม่มีข้อเสนอจากรัฐมนตรีแม้แต่คนเดียวในการแก้ไขข้อความใด ๆ เพื่อเติม จากนั้น กต.ไทยส่งร่างปรับแก้ให้สหรัฐอเมริกาตรวจสอบ ซึ่งสหรัฐก็เห็นชอบกับการเสนอแก้ไขของรัฐบาลไทยทั้งหมด

“เราจะเห็นชัดเจนครับ กระบวนการการทำ MOU แร่แรร์เอิร์ธครั้งนี้จบไวมาก เพียง 4 วันเท่านั้น และชัดเจนมาก ว่าไม่มีรัฐมนตรีคนไหน มั่นใจใน MOU ฉบับนี้เลย เพราะทันทีที่เป็นประเด็นสังคม แทนที่รัฐมนตรีทั้งหลายที่เกี่ยวข้องจะอธิบายถึงประโยชน์และไขข้อกังวลของประชาชน รัฐมนตรีแทบทุกคนกลับเรียงหน้าออกมาพูดว่า MOU ฉบับนี้ยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ และที่หนักขึ้นไปอีก คือ รองนายกฯที่กำกับกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กลับให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลไม่ได้อยากเซ็น MOU ฉบับนี้ คำถามตัวโต ๆ ครับ แล้วเซ็นทำไม ทำไมไม่มีการแก้ไขถ้อยคำที่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ใน MOU จากรัฐมนตรีเลย ทำไมต้องประชุมลับ และทำไมต้องเร่งรัดจัดการในเวลาแค่ 4 วันกับ MOU ฉบับนี้” สส.เชียงใหม่พรรคประชาชนตั้งคำถาม

ภัทรพงษ์ กล่าวว่า หากจะบอกว่าไทยเก่งการต่างประเทศคงไม่ใช่ เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่เคยมีการเจรจากับเมียนมา และจีนในการแก้ปัญหาน้ำเป็นพิษจากการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในเมียนมาแล้วส่งผลกระทบมายังไทยเลย เวทีการเจรจาระดับอาเซียน รัฐมนตรีไทยก็หลบ ให้รองปลัดไปแทน เวทีการเจรจาอาเซียน-จีนด้านสิ่งแวดล้อมโดยตรง รัฐมนตรีก็หลบ ให้รองปลัดไปแทนอีก ทั้ง ๆ ที่ประเทศอื่นส่งรัฐมนตรีไป ทิ้งโอกาสการแก้ปัญหาให้ประชาชนคนไทยแบบไม่ละอาย เช่นเดียวกับรัฐบาลชุดที่แล้วที่มีเวลาเป็นปีในการจัดการ แต่ก็มีการเจรจาระดับรัฐมนตรีต่อรัฐมนตรีกับเมียนมาไปเพียงครั้งเดียว และไม่มีอะไรคืบหน้า ทำให้การแก้ปัญหาที่ต้นตอไม่ถูกขยับโดยรัฐบาลไทยเลย

“ปัจจุบัน คนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย กำลังเจอกับปัญหาแม่น้ำสาละวิน แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก เป็นพิษ ประปาหมู่บ้านเจอตะกั่วเกินเกณฑ์ ตรวจปัสสาวะคนก็เจอสารหนูเกินมาตรฐาน แม่น้ำที่ประชาชนเคยใช้ปลูกพืชผล ปลูกข้าวกิน ตอนนี้ปนเปื้อนหมด แต่ทุกคนก็ยังต้องกินพืชผลจากน้ำปนเปื้อนเหล่านั้น ปลาที่มีปรอทในเกณฑ์เสี่ยงกับเด็ก สตรีมีครรถ์ และผู้สูงอายุ แต่ภาครัฐกลับบอกว่ากินได้ไม่มีปัญหา เจ้าหน้าที่ของรัฐกินปลาถ่ายรูปโชว์ก็มี นี่คือปัญหาใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นว่า ทำไมเราจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่เข้าใจปัญหาและทำงานแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่รัฐบาลที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับปัญหามลพิษไปตามยถากรรมแบบนี้ครับ” สส.ตี๋ ระบุ