หอประชุมคุรุสภา, วันที่ 3 พ.ย. – นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานวัน “ทวี บุณยเกตุ” ประจำปี 2568 เนื่องในโอกาสครบ 54 ปี การถึงแก่อนิจกรรมของ นายทวี บุณยเกตุ อดีตนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ผู้ก่อตั้งคุรุสภาตามพระราชบัญญัติครู พ.ศ. 2488 โดยมีนายสุชาติ กลัดสุข รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) นางอมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิทวี บุณยเกตุ ผู้บริหาร และพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และแขกผู้มีเกียรติร่วมงาน

ทั้งนี้นางนฤมล ยังได้รับมอบเงินสมทบทุนมูลนิธิทวี บุณยเกตุ จากผู้มีจิตศรัทธาต่อมูลนิธิ และมอบทุนการศึกษาของมูลนิธิทวี บุณยเกตุ ประจำปีการศึกษา 2568 ให้แก่เด็กนักเรียน โดยกล่าวว่านายทวีได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศไว้มากมาย โดยเฉพาะด้านการศึกษา นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเมืองของประเทศ ถึงแม้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงระยะสั้น ๆ แต่ได้สร้างคุณูปการที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตนอยากให้นักเรียนนักศึกษาทุกคนได้ตระหนัก และภาคภูมิใจในทุนการศึกษาที่ได้รับในวันนี้ ซึ่งตั้งขึ้นตามชื่อของท่าน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า คุรุสภาให้ความสำคัญกับมรดกทางความคิดของนายทวีมาโดยตลอด เพราะท่านคือ ผู้วางรากฐานของสภาวิชาชีพครูที่ได้มาตรฐาน ไม่เพียงทำหน้าที่คัดกรองผู้มีคุณภาพเข้าสู่วิชาชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี

“ดิฉันอยากฝากทาง คุรุสภา และ สกสค.ว่าในโอกาสต่อไป หากมีกิจกรรมเช่นนี้อีก ขอให้ประชาสัมพันธ์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ครูและผู้สนใจได้เข้าร่วมรับฟังและเรียนรู้ให้มากที่สุด ปัจจุบันเรามีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกว่า 500,000 คน จึงอยากให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากกิจกรรมดี ๆ เช่นนี้ แม้ไม่ได้รับชมสด ก็สามารถนำคลิปเผยแพร่ต่อได้เพื่อให้ความรู้ส่งต่อไปได้มากที่สุด” นางนฤมล ระบุ
ทั้งนี้ รมว.ศธ.ได้กล่าวขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมสมทบทุนมูลนิธิฯ รวมถึงผู้บริหาร ข้าราชการ และผู้ร่วมงานทุกฝ่ายที่ช่วยกันจัดงานในครั้งนี้เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของอาจารย์ทวี บุณยเกตุ พร้อมกล่าวว่า “คนดีไม่มีวันตาย อาจารย์ทวีคือผู้วางรากฐานการพัฒนาวิชาชีพครูให้ได้มาตรฐานสากล และมีชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การศึกษาของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ดิฉันหวังว่าคุรุสภาและมูลนิธิทวี บุณยเกตุ จะยังคงร่วมกันจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ต่อไปในอนาคต”

