นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมผู้เกี่ยวข้อง เดินทางกลับจากการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปค
นายอนุทิน เปิดเผยว่า การเดินทางไปประชุมในครั้งนี้ รัฐบาลได้มีโอกาสพบปะผู้นำประเทศ ผู้บริหารระดับโลก ซึ่งก็นับเป็นโอกาสที่ดีไทยได้มีโอกาสกลับเข้ามาสู่จอเรดาร์โลก รวมถึงจะได้นำเรื่องที่หารือร่วมกับผู้นำประเทศต่าง ๆ มาใช้เป็นโอกาสพัฒนาด้านเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว ลดอุปสรรคด้านการค้า เช่น จากการหารือกับประธานาธิบดี เกาหลีใต้ ก็มีประเด็นเรื่องแรงงานและมาตรการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว ประเด็นการแก้ปัญหาสแกมเมอร์อาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ ซึ่งไทยได้เสนอตัวเป็นผู้นำในการแก้ไข ยืนยันการเจรจาทุกอย่าง ยึดตามผลประโยชน์ของประเทศ
ส่วนการลงนามร่วมกับประเทศกัมพูชา สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ ธาตุแรร์เอิร์ท นั้น ได้ทำภายใต้หลักกฎหมายของประเทศไทยและไม่ได้เป็นการให้สัมปทานอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจส่วนการรักษาสมดุล ระหว่างประเทศมหาอำนาจทั้ง 2 ประเทศนั้น ภาพรวมก็ยังคงยึดตามกรอบภายใต้หลักภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งก็ไม่เพียงเฉพาะผู้นำ 2 ประเทศนี้เท่านั้น แต่ตัวเองก็ได้เชื่อมความสัมพันธ์กับผู้นำประเทศอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังได้ชี้แจงประเด็นที่ก่อนหน้านี้ เคยให้สัมภาษณ์เรื่องข้อพิพาทดินแดนโดยได้ขอโทษ และยอมรับว่าตัวเองสื่อสารผิดพลาด ซึ่งการหารือนั้นยังคงยึดตามกรอบรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และกรณีที่มีประชาชนหลายฝ่ายกังวลว่าประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนที่ปราสาทตาควายนั้น ตัวเองมองว่าไทยพร้อมที่จะเข้าร่วมเจรจากับกัมพูชาในทุกรูปแบบ เช่น ในวันนี้ ที่กัมพูชา ได้เริ่มถอนอาวุธบางส่วนก็นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี ส่วนจะเปิดด่านเมื่อไหร่นั้น ตัวเองคงจะต้องรับฟังความเห็นของประชาชนและประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ทาง 18 เชลยศึกกัมพูชา เตรียมที่จะยื่นขอลี้ภัย ส่วนตัวมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศ ซึีงการจะส่งตัวทั้ง 18 คนกลับเมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับขั้นตอนที่จะต้องหารือ และดูว่าการคุมขังดังกล่าวเกิดประโยชน์กับประเทศหรือไม่

