ทุกคนสังเกตหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดเหตุวิกฤตใดในบ้านเมือง ทำไมการบริจาค และผู้มีหน้าเป็นโลโก้แห่งการระดมทุนทรัพย์ มักโผล่มาปรากฏให้เห็นซ้ำ ๆ ราวกับระบบราชการหรือความเป็นทางการของประเทศนี้มันง่อยเปลี้ย ไม่ฟังก์ชัน ทั้งที่ทุกหน่วยมีงบประมาณ แถมส่วนกลางก็มีงบกลาง มีงบฉุกเฉิน มีเครื่องมือ มีคน มีงบ สรุปแล้วบ้านเมืองเรามันห่วยแตกขนาดนั้นเลยหรือ?

เรามาลองนึกไปพร้อม ๆ กัน ข้าราชการบ้านเรามีหน้างานกันแทบจะครบทุกด้าน ทุกกระทรวงมีงบประมาณ สามารถระดมสรรพกำลังได้มาก ถามว่าสังเกตได้จากอะไร? เวลานายกฯ รมต. ไปไหนมาไหน มักมีข้าราชการเป็นร้อยชีวิตไป “ยืนเสนอหน้า” บอกคนมีอำนาจว่า ดิฉัน/กระผมสามารถเสกความเดือดร้อนให้หายไปได้!
เอาจริง ๆ แค่เหล่าข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พนักงานของรัฐ เพียงแค่มีใจตั้งใจทำงานและบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนอย่างพุ่งเป้า โดย “เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง” ไม่ใช่การเอาใจนายกฯ – รัฐมนตรีโควตาเป็นโจทย์หลัก แค่คิดอย่างกลับหัวกลับหาง พลิกมุมกลับ ปรับมุมมองการแก้ปัญหาต่าง ๆ แทบจะดีดนิ้วได้เลย ปัญหาเรื่องงบไม่พออาจเบาบางไปเลยก็ได้
ยามเกิดเหตุใด ๆ เรามีทหาร ตำรวจ กอ.รมน. ฝ่ายปกครอง อสม. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่น ยังไม่รวมกลไกครู กลไกจิตอาสา ปาไปกี่ล้านคน แล้วยังไม่รวม พม. เกษตร ฯลฯ สารพัดกระทรวงทบวงกรมที่มีข้าราชการกระจายเป็นดอกเห็ด โดยที่ไม่ต้องโยนความผิดกันไปมา ฝั่งหนึ่งอ้างว่าไม่มีงบ ไม่มีเงิน ไม่มีคน อีกฝั่งคนอาสาจะไปแก้ปัญหาก็รีบบอกว่าขอบริจาค เงินก็หลั่งไหลมาแบบไม่มีใครได้ทันตรวจสอบ เงินไปไหนบ้าง จะมีใครหักคิว มีการจ้างใครมารับช่วงต่อ มีใครนำสิ่งที่ดีคุณภาพในราคาที่ไม่ได้แพงกว่าท้องตลาดหรือไม่? นี่คือคำถามดัง ๆ จากชาวบ้านประชาชนตาดำ ๆ
ยิ่งคนที่อาสามาทำงานแบบนี้มีความใกล้ชิดฝ่ายการเมือง ยิ่งต้องเรียกร้องส่งเสียง ยิ่งต้องตรวจสอบให้หนัก เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย เพราะเขายิ่งตอกย้ำว่าประเทศนี้มีปัญหาด้านการจัดการ แทนที่เขาจะไปกระทุ้งคนข้าง ๆ (รัฐมนตรี) คนที่เขามีอำนาจทางการเมืองช่วยปรับปรุงระบบ ทำให้งบและกลไกมันลงไปช่วยชาวบ้าน แต่เขาคนที่อาสากลับอาศัยความชุลมุนมาเปิดโต๊ะขอคนระดมโอนทุกสิ่งอย่างไปแก้ปัญหา โดยที่ขาดการตรวจสอบเข้มข้นมากพอ ทั้งที่ก็เห็นพาวเวอร์ซูเปอร์คอนเน็กชัน มีการใช้เฮลิคอปเตอร์หลวง มีการประสานราชการได้ก็เห็น ๆ อยู่ ตกลงแล้วราชการมันไม่ทำ ทำไม่ได้ ไม่มีเงิน ไม่มีคนกระทุ้ง หรือมันติดอะไรกันแน่? ทำไมต้องให้นักบุญต่าง ๆ เป็นคนกลาง หรือทว่าหัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก
คนทำเพื่อคนอื่น ทำดีแน่นอนว่าก็สมควรได้รับความชื่นชม แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง สามารถแตะต้อง ตรวจสอบได้ โปร่งใส และควรเคร่งครัด!
ดราม่านักบุญทั้งหลาย ที่อาศัยความที่คนไทยเป็นคนใจบุญรักพี่น้องร่วมชาติ มักจะมีมาตลอด บ้างมาในมาดนักโหน บ้างมาในคราบทนาย บ้างมาในนามนักการคลังโซเชียลมีเดีย มาในรูปนักบวช หรือมาในนามมูลนิธิ ที่เอาภาพแห่งการลงพื้นที่ควบคู่กับยอดไลก์เป็นเกราะกำบัง ที่สำคัญทุกท่านควรมี “ต่อมเอ๊ะ” ในใจว่า ถ้าใครที่กล้าอาสามารับหน้าที่อันหนักหน่วงนี้ ยิ่งต้องตรวจสอบได้ วิจารณ์ได้ ต้องช่วยกันตั้งคำถาม ไม่ใช่ช่วยกันทำความคลุมเครือให้มันมีร่องรอยความไม่ชัดเจนที่หนักหนาขึ้น!
เอะอะก็โพสต์ขอบริจาค ๆ ๆ เงินเป็นร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน เขียนว่าใช้มาให้ไป ใครก็เขียนได้ แต่ไส้ใน ความจริงมันเป็นยังไง ใครรู้บ้าง
คนทำดีในส่วนราชการและส่วนอาสาก็มี แต่อย่าปล่อยให้คนที่หาซีน หรือคนที่อยากชุบตัวฟอกขาว ได้โอกาส
นี่ยังไม่ทันได้พูดถึงรัฐบาลที่มีคนเทา มีคนที่มีเครือข่ายคล้ายมาเฟียร่วมมีอำนาจอยู่ด้วย เพราะบางคนเขาก็สงสัยผู้มีอำนาจบางท่าน ที่มีส่วนพัวพันกันกับแก๊งที่ทำลาย ทำร้ายคนไทย หลอกลวง ดูดเงิน พังชีวิตของคนไทยอยู่หรือเปล่า บางทีรัฐบาลหยุดตรงนี้ได้ ช่วยคนได้เป็นหมื่น ๆ ชีวิต ทำให้หลายครอบครัวไม่แตกสลาย แต่ทำไมไม่ทำ ไม่จริงจัง อึกอัก หรือว่ามีใครในฝ่ายอำนาจรับประโยชน์อยู่หรือเปล่า ตอนนี้ลำพังประชาชนลำบากในการพึ่งพากลไกจากระบบราชการแล้ว ถ้าจะพังจากโจรในคราบนักการเมืองที่นั่งประชุมกับผู้มีอำนาจแต่ไม่ทำอะไร ประชาชนคงฉิบหายตายก่อน!


