มูลนิธิกระจกเงาเปิดโปง “คนหายสู่อาชญากรรมข้ามชาติ” คนไทยถูกหลอกข้ามแดนทำงานสแกมเมอร์กว่า 100 ราย

881

มูลนิธิกระจกเงาเผยตัวเลขคนไทยหายกว่า 119 ราย ถูกหลอกไปทำงานบัญชีม้า–สแกมเมอร์–คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ชี้เป็น “การค้ามนุษย์ยุคใหม่” ที่พรางตัวในโลกออนไลน์ แฉขบวนการโยงทุน–ข้าราชการ–นักการเมือง พร้อมเรียกร้องรัฐเร่งช่วยเหลือผู้สูญหายกลับบ้านอย่างปลอดภัย

วันนี้ (19ตค68) ณ Mirror Art หลักสี่ กรุงเทพฯ มูลนิธิกระจกเงา จัดแถลงข่าว“คนหายสู่อาชญากรรมข้ามชาติ : สแกมเมอร์–บัญชีม้า–ค้ามนุษย์ยุคใหม่” เปิดเผยสถานการณ์ “คนหายสู่อาชญากรรมข้ามชาติ” ที่เชื่อมโยงกับขบวนการสแกมเมอร์ บัญชีม้า และการค้ามนุษย์ยุคใหม่ หลังจากตลอดปี 2568 มูลนิธิกระจกเงา รับแจ้งคนหายที่ถูกพาไปเป็นสแกมเมอร์ ยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเปิดบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งหลอกให้ลงทุน กว่า 119 ราย อายุเฉลี่ย 26 ปี โดยในจำนวนนี้เป็นชาย 73 ราย หญิง 46 ราย รวมทั้งมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีถึง 18 ราย อายุน้อยสุดเพียง 15 ปีและผู้สูงอายุอายุมากสุด 65 ปี

นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้แม้มีการปิดชายแดนกัมพูชาแต่ยังมีการหลั่งไหลไปของคนไทยที่ถูกหลอกชักชวนไปทำงาน เมื่อข้ามแดนไปแล้วถูกกักขังในสถานที่ปิด ยากที่จะหลบหนี หากไม่ยอมทำงานอาจไม่ปลอดภัยหรือถูกส่งไปที่อื่น การขาดเสรีภาพเช่นนี้ คือ การบังคับใช้แรงงานโดยสภาพ

นี่คือ การค้ามนุษย์ยุคใหม่ ที่ไม่ต้องใช้การล่ามโซ่ เฆี่ยนตี เป็น “ช่องเทา” ที่บังคับและควบคุมเสรีภาพอย่างแนบเนียนให้ไปทำสิ่งผิดกฎหมาย หลอกลวงคนอื่นอีกทอด ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ โดยขณะนี้มีคนหายที่มูลนิธิกระจกเงา รับแจ้งเหตุ อีก 25 รายที่ยังไม่ได้กลับประเทศไทย และกำลังรอความช่วยเหลือ

นางสาวกรรณิกา โมเล้น หัวหน้าฝ่ายรับแจ้งเหตุคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ได้ยกกรณีศึกษาเคสที่ถูกหลอกไป ทำงานสแกมเมอร์ รายแรกเป็นชายวัยกลางคน ที่ตกอยู่ในสถานะคนว่างงาน ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย หลงเชื่อคำชักชวนของคนรู้จัก แอบอ้างชื่อบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในการเปิดรับสมัครงาน และยื่นข้อเสนอออกค่าเดินทาง ค่าที่พักให้ โดยให้เคสเดินทางไปอบรมงาน ที่แม่สอด จังหวัดตาก และถูกพาเดินข้ามผ่านช่องทางธรรมชาติ จากนั้นถูกบังคับให้ทำงานเป็นโรแมนซ์สแกม สร้างโปร์ไฟล์ปลอมในแอปพลิเคชั่นยอดนิยมเพื่อหลอกคนอื่น เคสนี้แอบใช้โทรศัพท์ ส่งข้อความติดต่อแจ้งขอความช่วยเหลือมาที่มูลนิธิกระจกเงาด้วยตนเอง

รายที่สอง เป็นคู่รักวัยรุ่น อายุเพียง 18 ปี วุฒิการศึกษาระดับชั้นป.6 สมัครไปเป็นแอดมินเวบไซต์จากประกาศรับสมัครงานในโลกออนไลน์ กลับกลายเป็นการถูกบังคับทำงาน Call Center หลอกลวงคนไทยที่ประเทศกัมพูชา โดยปัจจุบันวัยรุ่นผู้หญิงได้รับการปล่อยตัวกลับไทยเพราะตั้งครรภ์ ส่วนวัยรุ่นชายยังคงถูกบังคับให้ทำงานที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

นางสาวกนกวรรณ พูลเพิ่ม รองหัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า นอกจากคนไทยที่ถูกหลอกไปเป็นสแกมเมอร์แล้ว ยังมีชาวต่างชาติที่มูลนิธิกระจกเงาได้รับแจ้งเป็นคนหาย ถูกหลอกไปเช่นกัน มีทั้งชาวอินเดีย ศรีลังกา ไต้หวัน และจีน ทั้งหญิงและชาย อยู่ในวัยเริ่มต้นทำงาน หางานออนไลน์ และเชื่อว่าตนได้งานแล้ว จึงเดินทางมาทำงาน โดยมีประเทศไทยเป็นทางผ่าน แล้วผ่านแดนต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งฝั่งอ.แม่สอด จ.ตาก และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จากนั้น ถูกส่งต่อไป บังคับให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์หลอกคนในรูปแบบต่างๆ

กรณีตัวอย่าง มูลนิธิกระจกเงารับแจ้งเหตุหญิงชาวไต้หวัน หางานออนไลน์ และถูกหลอกให้เดินทางมาทำงานที่ประเทศไทย ถูกพาข้ามแดนไปยังสามเหลี่ยมทองคำ ประเทศลาว และถูกขายต่อไปยังเขตปกครองตนเองโกก้าง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ถูกบังคับให้เป็นสแกมเมอร์ ต่อมายังถูกเรียกค่าไถ่ตัวซึ่งพ่อแม่ได้จ่ายค่าไถ่ไปแล้วเป็นเงินกว่าสองแสนบาท แต่ลูกสาวก็ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว พ่อแม่ของคนหายพยายามขอความช่วยเหลือมายังหน่วยงานทั้งในประเทศเมียนมาและประเทศไทย แต่ไม่มีหน่วยใดสามารถให้ความช่วยเหลือได้ ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

จากข้อมูลการรับแจ้งคนหายชาวต่างชาติ ที่ถูกหลอกให้มาเป็นสแกมเมอร์ พบว่า ประเทศไทยถูกใช้เป็น “ทางผ่าน” และเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อ สำหรับ รับ-ส่ง คนให้กลุ่มสแกมเมอร์

โดยในการแถลงข่าววันนี้ ได้มีนางนุชรินทร์มารดาของเด็กหญิงฟ้า (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ซึ่งลูกสาวหายตัวไป ได้มาร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อมวลชน กล่าวว่า ลูกสาวของตน เห็นประกาศรับสมัครงานในโลกออนไลน์เป็นงานแพคสินค้า โดยมีโรงงานอยู่ที่ จ.สระแก้ว จึงได้ไปทำงานกับแฟน อายุ 22 ปี ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 ต่อมาลูกสาวได้โทรมาขอความช่วยเหลือ บอกว่าถูกหลอกมาทำงานที่ประเทศกัมพูชา ตนเองจึงไปแจ้งความลูกหายที่ สภ ปากเกร็ด นนทบุรี โดยต้องรอให้ลูกสาวติดต่อกลับมาเองเพราะติดต่อลูกสาวไม่ได้ กระทั่งลูกสาวโทรกลับมาร้องไห้ ขอความช่วยเหลือแต่ยังบอกสถานที่ทำงานไม่ชัดเจน จนตอนนี้ติดต่อลูกสาวไม่ได้มาหนึ่งเดือนแล้ว ยังไม่รู้ว่าลูกสาวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร จึงขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือลูกสาวและคนไทยรายอื่นที่ถูกพาไปทำงานให้ได้กลับประเทศไทยอย่างปลอดภัย

ด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิกระจกเงา กล่าวปิดท้ายว่า สแกมเมอร์ไม่ใช่อาชญากรรมธรรมดา แต่คือ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ในรูปแบบใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี มีนายทุน ข้าราชการ และนักการเมืองบางส่วนได้รับประโยชน์หรือมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง

”ขณะที่นานาชาติกำลังปกป้องประชาชนของเขาจากอาชญากรรมในรูปแบบใหม่ และชี้ไปที่กัมพูชา แต่ขบวนการดังกล่าวยังปรากฎตัวอยู่ในประเทศพม่าและลาว ซึ่งประเทศเหล่านี้ล้วนมีชายแดนติดต่อกับประเทศไทย ความเงียบหรือการตอบโต้ที่ล่าช้าและไม่สมส่วนต่อปัญหาที่โลกกำลังตื่นตัวอยู่ในขณะนี้ อาจนำไปสู่คำถามและข้อสังเกตว่ามีข้าราชการและนักการเมืองไทยเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฎในประเทศไทยและแหล่งอาชญากรรมเพื่อนบ้านมันชัดเจนและรัฐบาลไทยควรตอบโต้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน“