รัฐสภา, วันที่ 15 ตุลาคม – กัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ติดหนี้โรงพยาบาลหลายแห่งทั้งของรัฐ และของเอกชนสร้างปัญหาต่อระบบสาธารณสุข ว่า ปัญหานี้แม้จะเกิดจากหลายปัจจัย แต่หลักๆ แล้วมาจากการบริหารจัดการของรัฐบาลและสปสช. ซึ่งตนขอแยกแยะปัญหาและเสนอทางออกดังนี้ 1) ปัญหาภาพรวมคือรัฐบาลจัดสรรงบประมาณในโครงการ สปสช. ไม่เพียงพอ ทำให้การบริการสุขภาพสำหรับประชาชนไม่มีประสิทธิภาพ ทางแก้คือรัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณรายหัวให้เพียงพอสำหรับการให้บริการที่มีคุณภาพต่อประชาชน
2) ปัญหาความล่าช้าในการเบิกจ่ายเงินแก่โรงพยาบาล จนกลายเป็นการติดหนี้โรงพยาบาล เกิดมาจากการไม่เชื่อมโยงข้อมูลกันเป็นระบบเดียว และมีการกำหนดเงื่อนไขที่สถานบริการทำได้ยาก ทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า หรือไม่อาจทำได้ ปัญหาข้อนี้แก้ได้โดยการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลผู้ป่วย ยา ผลทางห้องปฏิบัติการ และข้อมูลการเบิกจ่าย ให้เป็นระบบเดียวกัน ซึ่งการทำให้ข้อมูลเป็นระบบเดียวกันจะลดความล่าช้าและภาระงานในการเบิกจ่าย และยังเพิ่มความโปร่งใส เพราะประชาชน สถานบริการ และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ตรวจสอบได้
3) เนื่องจาก สปสช. มีอำนาจหลายอย่างในการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเบิกจ่าย ที่บางเงื่อนไขก็อาจไม่เป็นธรรมต่อหน่วยบริการและสถานบริการ (service provider) เพราะฉะนั้น การจะทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ก็ควรปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้สัดส่วนและที่มาของคณะกรรมการและทีมบริหาร สะท้อนความเป็นตัวแทนของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (stakeholders) ทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชน ตัวแทนคลินิกอบอุ่น (สำหรับกรุงเทพฯ) และอื่นๆ
กัลยพัชรกล่าวว่า ข้อเสนอเหล่านี้เป็นข้อเสนอเบื้องต้นเท่านั้น การทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทยมีความยั่งยืน นอกจากรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายในการบริการสุขภาพเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่าการเพิ่มเงินเป็นปลายเหตุ รัฐบาลยังต้องแก้ไขที่ต้นเหตุคือการเอาจริงเอาจังกับระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ที่เน้นการป้องกันและการส่งเสริมสุขภาพให้มากขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้าสู่โรงพยาบาลลงตั้งแต่ต้น

