ผบ.ตร. กิตติ์รัฐ ย้ำชัด ภาค 9 ไม่ล้มเหลว แม้เกิดเหตุปล้นทองกลางห้างฯ อุกอาจ ซัดคนร้ายวางแผนแนบเนียน พื้นที่เปราะบางต้องใช้ยุทธวิธีเฉพาะ ยันยังไม่ส่ง “พล.ต.ท.นพศิลป์” ลงใต้ ยกหากเป็น ผกก. เอง จะเร่งเชิงรุก ปราบให้สิ้นซาก
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายบุกปล้นร้านทองกลางห้างสรรพสินค้า ที่ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 18.30 น. โดยมีคนร้ายประมาณ 10 คน คาดว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย วันนี้ (8 ตุลาคม) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า วันนี้มีการประชุมโดยเชิญรองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงมาประชุมมีผู้ช่วยผบ. ตร. ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ยอมรับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เราต้องแบ่งเรื่อง ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องป้องกันปราบปราม ในมิติการป้องกันปราบปรามต้องทำอย่างไรหลังเกิดเหตุเป็นฝ่ายสืบสวนต้องดำเนินการอย่างไร
ทั้งนี้ความคืบหน้า ในการสืบสวนสอบสวน พื้นที่ตรงนั้นต้องยอมรับว่ามีความเฉพาะในการเกิดเหตุ พื้นที่เฉพาะในการหลบหนีการดำเนินการ จึงมีความยากลำบากพอสมควรอย่างไรก็ตามมีการกำชับว่าจะต้องมีการเร่งรัด ติดตามจับกุมกับติดตามทรัพย์กลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุดและจะต้องมีมาตรการในการป้องกันเหตุที่เกิดขึ้นโดยหยิบยกเหตุต่างๆที่เกิด โดยตลอด และเหตุการณ์ปล้นทองจะต้องมี แผนการป้องกันโดยร่วมปฏิบัติการวางแผนกับฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ให้มากขึ้นซึ่งวันนี้ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบหน้างานมั่นคง เข้าไปรับผิดชอบ เพื่อขยายผลในการสืบสวนสอบสวนต่อแต่ในพื้นที่ดังกล่าวเราต้องยึดเรื่องความมั่นคงเป็นหลักก่อนจึงต้องให้พล.ต.อ.สำราญไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นแล้วจะต้องมีการวางแผนต่อไป
ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้มองว่าแผนที่มีมาแต่ก่อนเป็นความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือตำรวจเรามีความพยายามที่จะป้องกันเหตุมาโดยตลอดแต่ด้วยลักษณะของการก่อเหตุกลุ่มบุคคลและวิธีการหลบหนีมีความเฉพาะแตกต่าง ในเรื่องการกระทำผิด จึงทำให้เกิดความลำบากในเรื่องปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่
ขอยืนยันว่า ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ไม่บกพร่องแม้ 2-3 วันที่ผ่านมานี้จะเกิดเหตุอีก 4-5 เหตุ ผู้ก่อเหตุมองหาโอกาสที่สามารถก่อเหตุ ส่วนการหลบหนีไม่ได้หลบหนียุทธวิธีทั่วไปมีการป้องกันระวังตัวเองอย่างสูงหากเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่และตำรวจได้ด้วยและประชาชนได้ด้วยการปฏิบัติจึงต้องมีความรอบคอบและใช้ยุทธวิธีแตกต่างจากพื้นที่ทั่วไป หลังเกิดเหตุเป็นเรื่องงานสืบสวนสอบสวนพล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการติดตามและประชุมอย่างต่อเนื่อง แต่วันนี้ที่มอบให้พล.ต.อ.สำราญลงพื้นที่เพื่อทบทวนมาตรการต่างๆและกำหนดวิธีการที่จะปฏิบัติ ในเรื่องของความมั่นคงรวมทั้ง ให้พิจารณาเรื่องคดี การปล้นร้านทองคืบหน้าเพิ่มเติม
การที่ให้รองผบ. ตร.ทั้งสองคน ไปติดตามดูแลเป็นการมอบหมายลักษณะงานตามปกติแต่ทั้งนี้ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธร ภาค 9 ผู้บังคับการจังหวัด นราธิวาส ผู้บังคับการสืบสวนเองก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะไม่ให้เกิดเหตุ ฝ่ายตรงข้ามหาช่องว่างในการก่อเหตุ ถึงช่องว่างของผู้ก่อเหตุนี้เราจะนำมาวางแผนทำเป็นยุทธวิธีรวมทางหารือกับฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่มากขึ้นต่อไป
ส่วนกระแสข่าวการส่งท่านพล.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ผู้บัญชาการประจำ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไป ควบคุมงานสืบสวนในพื้นที่ที่เกิดเหตุปล้นทอง ยืนยันว่ายังไม่มีคำสั่งให้ลงไปและไม่ได้หมายความว่าผู้บัญชาการฯภาค 9 ไม่มีความสามารถ โดยพล.ต.ท.นพศิลป์ จะให้ดูแลงานที่นครบาลใจกลางประเทศไทยที่กรุงเทพฯยังไม่ได้มีคำสั่งให้ส่งไปที่ภาคใต้
ส่วนกรณีที่คะแนนตัวชี้วัดของผู้บัญชาการฯภาค 9 ต่ำกว่าเกณฑ์ ในปีงบประมาณที่ผ่านมา แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า รื่องตัวชี้วัด ข้าราชการตำรวจที่เป็นผู้บริหารในพื้นที่มีหลายตัวที่ไม่ได้ถูกกำหนด การปฏิบัติของตำรวจในพื้นที่ถ้ามัวแต่ มุ่งทำแต่ด้านสถิติ ก็ไม่ดีเพราะต้องดูแลพี่น้องประชาชนฉะนั้นแล้ว ให้มองว่ายังมีหลายด้านที่ทำและตัวชี้วัดนี้ก็สามารถปรับปรุงได้
ตำรวจ ในพื้นที่ ้องเสียสละตัวเอง ทั้งแรง กายแรงใจ ดูแลความสงบ ของพี่น้องประชาชน ถ้าจะพิจารณาแค่ตัวชี้วัด ก็ต้องไปดูว่า เขาจะต้องทำตามตัวชี้วัดอย่างเดียวหรือไม่ทั้งนี้มีหลายตัวชี้วัดที่จะบอกว่าปฏิบัติตัวได้หรือไม่ เวลาเกิดเหตุความผิดทางอาญาลักวิ่งชิงปล้นตำรวจต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ผู้กำกับฯสุไหงโกลก ผู้การจังหวัดนราธิวาสผู้การสืบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จากการประชุมเมื่อวานการป้องกันเหตุเรามีอยู่แล้ว ส่วนยุทธวิธีปฏิบัติ มีความแยบยลและมีการวางแผนมาดีๆ การที่จะล่วงลงแผนก่อเหตุล่วงหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าตนเป็นผู้บัญชาการในพื้นที่ก็จะมุ่งไปในเรื่องของหน้างานป้องกันแผนมาตรการผนวกกัน ทั้งนี้ตนได้สอบถามในหลายประเด็นเมื่อวานนี้แต่ละท่านก็ยังตอบได้ดี

