วันที่ 6 ต.ค. 68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า คนไทย 16 คน ที่ได้รับหนังสือขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ได้รับการช่วยเหลือกลับมาประเทศไทยแล้ว โดยความช่วยเหลือของหลายฝ่าย และจากการประสานไปยังกองกำลัง BGF ซึ่งดูแลพื้นที่พิกัดของบริษัทสแกมเมอร์ ที่คนไทยถูกล่อลวงไปทำงาน ได้เร่งเข้าไปตรวจสอบและนำตัวออกมาอย่างปลอดภัย ส่งให้กับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร นำกลับประเทศไทยเมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา
นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า หลังจากตนเองได้นำเสนอเรื่องนี้ไป ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญและห่วงใยคนไทยที่ถูกนำกลับเข้าไปในแก๊งสแกมเมอร์ และตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ จึงได้สอบถามข้อมูล ขอให้ช่วยเหลือคนไทยได้กลับออกมาปลอดภัยให้ได้เร็วที่สุด และปราบปรามแก๊งค์สแกมเมอร์ ซึ่งตนยินดีให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และช่วยประสานงานในส่วนที่สามารถทำได้ เพราะเห็นว่า มนุษยธรรม ต้องนำการเมือง ต้องมุ่งไปที่การช่วยเหลือคน และแก้ปัญหาสิ่งที่เป็นภัยกับประชาชนและสังคม
“ผมว่าเป็นเรื่องดีที่นายกฯอนุทิน เปิดใจรับฟังข้อมูลจากฝ่ายค้าน และการช่วยกันทำงานในการช่วยชีวิตคน เป็นงานมนุษยธรรม ที่ต้องนำการเมือง หากท่านรับฟังก็เป็นเรื่องดี เพราะอย่างที่ทราบปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ทำมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว หากจำกันได้ที่ผมได้ไปประสานงานช่วยชาวต่างชาติออกมาจาก DKBA กว่า 230 คน เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่อยากให้มองว่าเป็นงานของฝ่ายค้าน แต่เป็นงานที่เราต้องช่วยกันจัดการกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่เป็นภัยคุกคามของโลก”นายกัณวีร์ เปิดเผยด้วยว่า หลังทราบข่าวว่ามีการช่วยเหลือคนไทยมาได้แล้ว นายกรัฐมนตรียังตอบกลับมาด้วยว่า Freedom is Valuable เสรีภาพนั้นมีคุณค่ายิ่ง”
สำหรับกรณีนี้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายภาคประชาสังคม ได้ทำหนังสือด่วนไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี รวมถึงประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายกัณวีร์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการกฏหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ขอให้ช่วยเหลือผู้เสียหาย ซึ่งมีคนไทย 2 คน แจ้งขอความช่วยเหลือเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 3 ต.ค. ว่าติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในเมืองเมียวดี ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลหนึ่งในผู้เสียหายทราบว่าถูกชักชวนมาทำงานเทรดคริปโต เดินทางจาก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 มากรุงเทพฯ หลังจากนั้นคนนำพาได้ให้สมัครงานผ่านแอปพลิเคชันหนึ่ง ซึ่งตรวจสอบพบว่าถูกกฎหมาย จึงหลงเชื่อ
น.ส.กฤติญา เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้เสียหายระบุว่าหลังจากนั้นเมื่อวันที่ 22 ก.ย.68 ถูกพาขึ้นรถบัสไปยัง อ.แม่สอด โดยมีผู้หญิง ซึ่งมีเด็กมาด้วยมารับ ทำให้เชื่อว่าไปทำงานถูกต้อง แต่ถูกนำพาข้ามแม่น้ำจนมาถึงที่อาคารแห่งหนึ่งพบว่าอยู่ในฝั่งเมียนมาแล้ว และเริ่มถูกบังคับให้ทำงาน จนรู้ว่าเป็นงานสแกมเมอร์ เมื่อขอกลับบ้าน กลับถูกบังคับให้หาคนมาเพิ่ม โดยจะจ่ายค่าหัว ให้คนละ 10,000 บาท จึงขอความช่วยเหลือมายังภาคประชาสังคม โดยพบว่าอาคารแห่งนั้นมีคนไทยรวม 15 คน จึงต้องช่วยเหลือด่วนเพื่อสกัดกั้นไม่ให้คนเหล่านี้ต้องกลายเป็นสแกมเมอร์ด้วย
นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า จากพิกัดของผู้เสียหาย อยู่ในพื้นที่กองกำลัง BGF ตนจึงได้ประสานส่งข้อมูลให้ตรวจสอบและให้การช่วยเหลือด่วน หลังจากนายกรัฐมนตรีทราบข่าว จึงได้โทรศัพท์มาสอบถามด้วยความเป็นห่วง และขอให้ตนช่วยติดตามการช่วยเหลือคนไทยออกมาให้ได้อย่างเร็วที่สุด โดยเห็นว่า เป็นการทำงานด้านมนุษยธรรมที่ต้องก้าวข้ามการเมือง และปัญหาอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องที่ต้องยับยั้ง โดยเฉพาะไม่ให้คนไทยต้องกลายเป็นเป็นสแกมเมอร์ มาหลอกคนไทยด้วยกัน
นายกัณวีร์ กล่าวว่า หลังจากนี้คงต้องทำการคัดแยกว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่ หากพบว่ามีการสมัครใจไปทำงานหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ ก็ต้องถูกดำเนินคดีเพื่อไม่ให้ไปหลอกคนไทยได้อีก และต้องดำเนินคดีให้เข็ดนายกัณวีร์ หวังว่ารัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ ปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ หลังติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว แต่มีความล้มเหลวไม่สามารถจับกุมตัวการใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มคนจีน ที่น่าเสียดายว่าไม่ได้มีการสอบสวนเพื่อขยายผลจับกุมตัวการใหญ่ได้ และทำให้ขบวนนี้ยังสามารถใช้ไทยเป็นทางผ่านในการก่ออาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์

