หน้าแรกการเมืองกมธ.มั่นคงฯ สอบเครือข่าย "เบน สมิธ" พบเงินฟอกหลายล้าน ผ่านบริษัทกัมพูชาและทองคำไทย ยัน มท. ไม่ให้สัญชาติไทยเด็ดขาด

กมธ.มั่นคงฯ สอบเครือข่าย “เบน สมิธ” พบเงินฟอกหลายล้าน ผ่านบริษัทกัมพูชาและทองคำไทย ยัน มท. ไม่ให้สัญชาติไทยเด็ดขาด

การประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการฯ เมื่อวานนี้ (2 ต.ค. 68) ได้ติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบปัญหาการฟอกเงินข้ามชาติของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมี นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายเบน สมิธ เป็นศูนย์กลาง เพื่อติดตามเรื่องนี้ต่อไป ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้กำหนดนัดประชุมครั้งต่อไป ในวันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568 โดยจะเชิญบุคคลสำคัญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ทั้ง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกระบุว่ามีความรู้จักสนิทสนมกับนายเบน สมิธ และมีภาพถ่ายร่วมกัน กับนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อสอบถามกรณีสินบน 40 ล้านบาท และมาตรการป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์

ประธานกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า จะติดตามกรณีเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ ที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงการแสวงหาผลประโยชน์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านขบวนการในไทยอย่าง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนไทยถึงที่สุด

โดยได้ข้อสรุปในการประชุมว่า กระทรวงมหาดไทยยืนยันว่า คำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของ นายเบน สมิธ จะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเด็ดขาด เนื่องจากข้อมูลจากหน่วยงานข่าวกรองระบุถึงความ สัมพันธ์ของนายเบน สมิธ กับ นายฮุนเซน และเครือข่ายอำนาจในกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย อย่างชัดเจน

คณะกรรมาธิการฯ พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า บริษัท Huione Pay ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนเงินตราในกัมพูชา และถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ พบว่ามีเม็ดเงินหมุนเวียนผ่านบริษัทนี้สูงถึงกว่า 3.3 ล้านล้านบาท คณะกรรมาธิการฯ มีความมั่นใจว่าเงินจำนวนมหาศาลนี้มีที่มาจากอาชญากรรมข้ามชาติ

นอกจากนี้ ยังพบความผิดปกติของการส่งออกทองคำจากประเทศไทยจำนวนมากไปยังกัมพูชา ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าเป็นการใช้ทองคำเป็นเครื่องมือสำคัญในกระบวนการฟอกเงินของเครือข่ายดังกล่าวที่ประชุมยังได้หารือถึงรายละเอียดการทำธุรกรรมผ่าน สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) เพื่อตรวจสอบ ว่าส่วนใดที่เข้าข่ายการฟอกเงินและจําเป็นต้องเร่งออกมาตรการควบคุมเพื่อปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย รายละเอียดบริษัทที่ถูกกล่าวหาอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พบพฤติกรรมที่ใช้เหรียญคริปโตเพื่อหลอกลวงเอาข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img