นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา ว่าพรรคได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แม้จะมีเวลาอภิปรายไม่มาก แต่ทางเลขาพรรคพยายามหยิบยกประเด็นสำคัญของนโยบายรัฐบาลขึ้นมาเพื่อตอกย้ำให้รัฐบาลเร่งแก้ไข โดยยึดกรอบเวลาสี่เดือนที่พรรคเชื่อมั่นว่าสามารถทำได้ทันที ไม่ใช่การอภิปรายแบบหว่านแหหรือใช้วาทกรรมโจมตี ทางการเมืองเพราะตระหนักดีว่าขณะนี้ประชาชนกำลังเผชิญความเดือดร้อนอย่างหนัก และเข้าสู่ภาวะเบื่อนักการเมืองบางกลุ่มที่ไร้ประสิทธิภาพเต็มที
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ยังกล่าวขอบคุณทุกเสียงชื่นชม ทั้งจากเพื่อนสมาชิกหลายพรรคการเมือง สมาชิกวุฒิสภาบางท่าน รวมถึงการตอบรับจากสื่อสังคมออนไลน์ต่อการอภิปรายของนายชัชวาล แพทยาไทย เลขาธิการพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย โดยยืนยันว่าทีมงานของพรรคจะนำข้อเสนอแนะเหล่านั้นไปสานต่อในเชิงนโยบายอย่างจริงจังทั้งนี้ โฆษกไทยสร้างไทยยังกล่าวที่ประเด็นที่ยังคงน่ากังวลสำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน คือเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินและความมั่นคง โดยเฉพาะแนวคิดการทำประชามติยกเลิก MOU 43-44 ซึ่งเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่า การทำประชามติที่ประชาชนต้องเข้าคูหาลงคะแนนถึง 4 ใบ อาจถูกนำมาใช้เป็นเล่ห์กลทางการเมืองเพื่อประโยชน์ในช่วงการเลือกตั้ง
นายปริเยศ ย้ำว่า ตามที่ทางพรรคได้เปิดประเด็นการอภิปรายในกรณีนี้ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเปิดการเจรจากับประเทศคู่ขัดแย้งทันที โดยยึดหลักการสากลเป็นกรอบการพูดคุย และการผลักดันให้เรื่องนี้ไปผูกโยงกับการเลือกตั้งอาจยิ่งสร้างกระแสต้านและความผิดหวังในสังคมได้ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดังกล่าว จึงไม่ควรยืดเวลาออกไป และควรมีมาตรการเป็นลำดับสำหรับการแก้ไขปัญหา
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า เวลาสี่เดือนยังเพียงพอที่รัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น รัฐบาลควรยกเลิกแนวคิดการทำประชามติในกรณีนี้ และลงมือแก้ไขปัญหาความมั่นคงทันทีด้วยความจริงจังตามอำนาจที่ครม.มี เชื่อว่าศักยภาพของรัฐบาลและทีมการต่างประเทศของไทยมีความพร้อมที่จะดำเนินการ และยังเป็นการลบข้อครหาที่ว่าจะมีการนำเรื่องความมั่นคงและการทำประชามติไปใช้เป็นประโยชน์ทางการเมืองในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งได้ด้วย

