ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาพูดกับเยาวชนไทยในงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2561 ว่าประเทศไทยมีประชาธิปไตยแน่ แต่อาจต้องเป็นแบบ ‘ไทยนิยม’ โดยดร.ปลอดประสพกล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่าประชาธิปไตยแบบไทยนิยมของท่านนายกประยุทธ์คืออะไร ความรู้สึกเบื้องต้นของผมก็คือ มันเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับการปกครองบ้านเมือง ท่านประยุทธ์กล้าตัดสินใจโดยพลการคนเดียวหรือ ท่านแน่ใจว่า ท่านใหญ่พอนะ คนโบราณเคยเตือนเรื่องแบบนี้ว่าระวังเหาจะกินหัว”
ดร.ปลอดประสพกล่าวต่อว่าหากจะอนุมานว่า สิ่งที่พวกท่านทำมาตลอดคือรูปแบบของประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ก็ดูไม่สมจริง เริ่มจากการใช้กองทัพทำการปฏิวัติยึดอำนาจก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยและเชื่อว่าไทยก็ไม่นิยม การใช้ ม.44 เป็นเผด็จการไม่เป็นประชาธิปไตยและคนก็ไม่นิยม รัฐธรรมนูญก็บิดเบี้ยวมี ส.ว.แต่งตั้งเพื่อให้เกิดนายกฯคนนอกก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย คุณสมบัติของคณะกรรมการอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ท่านเขียนเองก็ไม่ตรงกับที่ท่านปฏิบัติ อย่างนี้ใครจะนิยมครับ ท่านบริหารประเทศแบบประชารัฐ แจกเงินท่าเดียวจนเงินเกือบจะหมดคลังแล้ว แต่ประชาชนก็ยังจนอยู่ในขณะที่คนรวยกลับรวยขึ้น อย่างนี้ใครนิยมครับ ที่ท่านทำมาทั้งหมดนี้มันถูกแล้วหรือ ยังจะมายัดเยียดคลุมถุงชนใส่ประเทศชาติประชาชนต่อไปได้อย่างไร
ดร.ปลอดประสพกล่าวทิ้งท้ายถึงประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียอมรับว่าตนไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหารหากท่านอยากเป็นนักการเมือง อยากเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จงแสดงตัวออกมาอย่างเปิดเผยให้สมกับคนเคยเป็นนักรบชาติชายทหาร โดยดร.ปลอดประสพชี้ว่าแบเบอร์ออกมาสู้แบบแฟร์ๆ ตามกฏเกณฑ์ครรลองตามระบอบประชาธิปไตยสากลที่ทั่วโลกเขายอมรับนับถือ มันถึงจะสมศักดิ์ศรีชายไทยนะครับ
“สำหรับท่านอื่นก็ไม่ต้องมาเชียร์ เอาเวลาไปชี้แจงนาฬิกา 30 เรือนของท่านจะดีกว่า เรื่องแบบนี้คนโบราณเค้ามีคำล้อเลียนคนที่มีอะไรเยอะแยะเกินไปว่า “ให้เอาไปต้มกินแทนข้าวเสีย” น้ำต้มนาฬิกานี้มันคงอร่อยนะครับ (อย่าลืมให้ป.ป.ช.ชิมด้วยล่ะ)” กล่าวโดยดร.ปลอดประสพ