ครอบครัวกอไธสงสุดเศร้า รับร่าง “น้องเก๋” ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ หลังหายตัวลึกลับตั้งแต่ปี 2556 ผลตรวจดีเอ็นเอชี้ชัดตรงกับศพนิรนามที่พบเมื่อปี 2557 เผยพ่อเชื่อถูกฆาตกรรม ฝากตำรวจล่าคนร้ายให้ครอบครัวได้รับความยุติธรรม

วันที่ 25 ก.ย68ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มูลนิธิกระจกเงา พาครอบครัวกอไธสง เดินทางไปรับศพน้องเก๋ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำกลับไปฌาปนกิจที่บ้านเกิดในอำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีพล.ต.ทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช สอท ซึ่งเคยร่วมติดตามคดีนี้ตั้งแต่ปี 2562 สมัยเป็นผู้บังคับการกองทะเบียนประวัติอาชญากร เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว และมอบเงินช่วยทำบุญงานศพ โดย พล.ต.ทไตรรงค์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องเก๋ ตนเองได้พยายามร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการติดตามมาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งอย่างน้อยได้คืนร่างน้องเก๋คืนสู่ครอบครัว ทั้งนี้พล.ต.ทไตรรงค์ได้ชื่นชม มูลนิธิกระจกเงา และสถาบันนิติเวชวิทยา รพ ตำรวจ ในการร่วมกันพาคนหายกลับคืนสู่ครอบครัว ด้วยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์

จากกรณี มูลนิธิกระจกเงา ประกาศตามหาน้องเก๋ หรือนางสาวภาวิณี กอไธสง อายุ 23 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังเรียนจบราชภัฏบุรีรัมย์ แล้วเดินทางไปหางานทำที่โรงงานย่านแหลมฉบัง จ.ชลบุรี จากนั้นขาดการติดต่อกับครอบครัวตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2556 หรือเมื่อ 12 ปีที่แล้วนั้น หลังนางสาวภาวิณี หรือน้องเก๋ ขาดการติดต่อไปนายวิโรจน์ กอไธสง บิดา ได้ลงมาตามหาน้องเก๋ที่ห้องเช่า ที่แหลมฉบัง ชลบุรี ยังพบเสื้อผ้าข้าวของและเอกสารสำคัญอยู่ในห้องเช่าตามปกติ จึงไปตามหาเบาะแสกับเพื่อนๆ และติดตามไปยังชายที่มาติดพัน
โดยคนแรกเป็นชายที่เพิ่งพูดคุยรู้จักกันที่โรงงานในจังหวัดชลบุรี ส่วนอีกคนเป็นคนที่คบหน้ากันมาหลายปี พักอาศัยอยู่แถวลาดกระบัง กรุงเทพฯ โดยทั้งสองคนปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องเก๋ ในขณะนั้น เบาะแสสุดท้ายที่มี คือ เพื่อนที่เรียนมัธยมด้วยกันให้ข้อมูลว่า วันที่เก๋น่าจะขาดการติดต่อไป ได้โทรมาขอให้ช่วยขี่มอเตอร์ไซค์จากที่พักไปส่งริมถนนใกล้มอเตอร์เวย์ โดยบอกเพียงว่าจะขอติดรถคนรู้จักที่ทำงานเข้ากรุงเทพฯตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มูลนิธิกระจกเงาได้ประกาศตามหาน้องเก๋มาโดยตลอด แต่ไม่มีเบาะแสเข้ามา จึงสันนิษฐานว่าน้องเก๋อาจเกิดเหตุร้ายถึงแก่ชีวิต จึงมีการลงพื้นที่ ไปค้นหาข้อมูลศพนิรนาม ในจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด จนได้ข้อมูลศพนิรนามเพศหญิงที่พบศพในปี 2556 จำนวน 15 ราย จึงประสานขอตรวจเทียบดีเอ็นเอกับมารดา แต่ผลดีเอ็นเอไม่ตรงกับศพรายใดเลย ซึ่งในขณะนั้น การตรวจเทียบดีเอ็นเอกับศพนิรนามยังทำได้ยาก ต้องไปค้นหาว่าพื้นที่ใดพบศพไม่ทราบชื่อบ้าง และขอตรวจเทียบเป็นรายๆไป

กระทั่งความพยายามในการตามหาน้องเก๋ ไม่หยุดนิ่ง ต้นปี 2568 มูลนิธิกระจกเงา ได้เดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ ประสานเก็บดีเอ็นเอแม่น้องเก๋ อีกครั้ง ส่งตรวจเทียบที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลศพนิรนาม สามารถตรวจเทียบดีเอ็นเอกับศพนิรนามได้ทุกศพในฐานข้อมูล ผลปรากฏว่า ดีเอ็นเอแม่น้องเก๋ มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิตแบบมารดาและบุตร กับโครงกระดูกศพนิรนาม ที่ถูกพบบริเวณกลางทุ่งนาป่าปรือ ถนนขุมทอง-ลำต้อยติ่ง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ท้องที่ สน.จรเข้น้อย เมื่อเดือนเมษายน 2557 ซึ่งสันนิษฐานว่า ศพน่าจะเสียชีวิตและอยู่ตรงนี้มานานเพราะเหลือแต่กระดูก โดยมีชาวบ้านมาเผาป่าปรือ เพื่อจับหนูนา จึงพบโครงกระดูกดังกล่าว ก่อนถูกนำไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และถูกนำไปฝังไว้ที่สุสานศพนิรนามในจังหวัดชลบุรี
โดยเมื่อนี้(24กันยายน2568) ที่ถนนขุมทอง-ลำต้อยติ่ง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯทางมูลนิธิกระจกเงา นำนายวิโรจน์ กอไธสง อายุ 62 ปี บิดาของน้องเก๋ พร้อมญาติพี่น้องเกือบสิบคนเดินทางมาจากตำบลปะเคียบ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อจุดธูปเชิญวิญญาณน้องเก๋บริเวณจุดพบศพ โดยนายวิโรจน์กล่าวว่า ”ขอให้เก๋กลับบ้านเรา พ่อมารับแล้ว“

โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า ”สิบสองปีที่ผ่านมา ตนเองและครอบครัวพยายามติดตามหาน้องเก๋มาโดยตลอด แต่ไม่มีเบาะแส เป็นสิบสองปีที่ทุกข์ใจแสนสาหัส วันนี้เสียใจที่ลูกสาวต้องจบชีวิตลงแบบนี้แต่อย่างน้อยก็ดีใจอยู่บ้างที่ได้เจอลูกและพาลูกกลับบ้าน ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร“
โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าลูกสาว จะมาเสียชีวิตด้วยตัวเอง แต่คิดว่ามีคนฆาตกรรมลูกสาว ขอฝากความหวังไว้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยติดตามคนร้ายมารับโทษ เขาลอยนวลไปได้สิบสองปี อยากได้น้องเก๋และครอบครัวได้รับความยุติธรรมบ้าง“

ทั้งนี้ การพบศพน้องเก๋ เป็นการพบโครงกระดูก ในผลการชันสูตร ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิต แม้จะสันนิษฐานว่าน้องเก๋น่าจะถูกฆาตกรรมอำพราง ซึ่งอาจเกิดปัญหาในการขอรับเงินเยียวยาจากกองทุนตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา

