‘3เหตุการณ์สำคัญ​’โรคระบาด–ตึกถล่ม–ถนนทรุด บททดสอบเมืองกรุง​ ยุค​”ผู้ว่าฯชัชชาติ”

1910

กรุงเทพมหานครคือมหานครที่เต็มไปด้วยความเปราะบาง ทั้งจากโรคภัย สภาพอาคารเก่า และโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งานมายาวนาน การขึ้นดำรงตำแหน่งของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อกลางปี 2565 จึงไม่ใช่เพียงการเข้ามาบริหารเมือง แต่ยังเป็นการก้าวเข้าสู่สนามทดสอบจริงที่โหดที่สุด

เหตุการณ์ 3 ระลอกใหญ่—โรคระบาด ตึกถล่ม และถนนทรุด—ได้กลายเป็นกรอบวิเคราะห์สำคัญที่สะท้อนทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของระบบเมืองหลวง

  1. โรคระบาด : ความท้าทายด้านสุขภาพที่ไม่เคยสิ้นสุด

ตั้งแต่โควิด-19 ฝีดาษลิง ไปจนถึงโรคมือเท้าปาก และพิษสุนัขบ้า​ แม้กระทั่งปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ​ PM 2.5​ สิ่งเหล่านี้ถูกบีบ​ให้​ กรุงเทพฯต้องปรับระบบสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง การตั้งศูนย์เฝ้าระวังภาวะฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร ในยุคนายชัชชาติ ถือเป็นการสร้าง “สายตาเฝ้าระวัง” ที่ก้าวพ้นจากโรงพยาบาล ไปสู่ชุมชนและเครือข่ายประชาชน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสุขภาพในเมืองใหญ่มักเป็น “ไฟลามทุ่ง” หากโครงสร้างการป้องกันโรคไม่แข็งแรงพอ ความหนาแน่นของประชากรและระบบบริการที่ไม่สมดุลระหว่างเขต ก็คือช่องโหว่สำคัญที่ยังแก้ไม่ขาด

  1. ตึกสตง.ถล่ม​ : บทเรียนด้านความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง

เหตุการณ์ อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินถล่ม ในเดือนมีนาคม 2568 คือ “โศกนาฏกรรมสั่นเมือง” ไม่เพียงสร้างการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ยังเปลือยให้เห็นความเปราะบางของการก่อสร้างและการกำกับดูแลอาคารในเมืองหลวง

ผู้ว่าฯ ชัชชาติเลือกลงพื้นที่เองทุกวัน ภาพที่เขานั่งเฝ้าการกู้ภัยท่ามกลางซากอาคารเป็นมากกว่า “ภาพข่าว” แต่คือการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ว่า เมืองต้องไม่ละทิ้งความหวัง ทว่าในเชิงระบบ ปัญหาที่สะท้อนออกมาคือ การสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่สะดุด และความล่าช้าในการเข้าถึงพื้นที่เสี่ยง ซึ่งบอกเราว่า “ระบบจัดการภัยพิบัติของกรุงเทพฯ ยังไม่บูรณาการเต็มที่”

  1. ถนนสามเสนทรุด : สัญญาณเตือนโครงสร้างพื้นฐานเมือง

หลุมยักษ์กลางถนนสามเสนเมื่อ 24 กันยายน 2568 ไม่เพียงทำให้การจราจรเป็นอัมพาต แต่ยังจุดคำถามใหญ่ต่อ ความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานกรุงเทพฯ ถนนอายุการใช้งานยาวนาน ท่อประปา–ท่อระบายน้ำซ่อนอยู่ใต้ดินที่ไม่เคยตรวจสอบเชิงป้องกันอย่างเป็นระบบ เมื่อปัจจัยเร่งจากฝนหรือน้ำรั่วซึมเข้ามา สุดท้ายก็จบลงด้วยการทรุดตัวมหาศาล

มาตรการเร่งด่วน 7 ข้อที่ชัชชาติสั่งการทันที สะท้อนภาวะผู้นำที่ตอบสนองเร็ว แต่ในเชิงโครงสร้าง ปัญหาคือ “เมืองไทยยังไม่มีฐานข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณาการ” จึงไม่สามารถเฝ้าระวังเชิงคาดการณ์ได้อย่างแท้จริง

เมืองที่ยังต้องการระบบมากกว่าฮีโร่

โรคระบาด ตึกถล่ม และถนนทรุด—สามเหตุการณ์ในรอบ 3 ปี—คือบทพิสูจน์ว่า กรุงเทพฯ ไม่ได้ขาด “ผู้นำลงพื้นที่” แต่ขาด “ระบบที่ยั่งยืน” ที่สามารถป้องกันและรับมือกับภัยซ้ำซ้อนเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น

การทำงานของผู้ว่าฯ ชัชชาติ แสดงให้เห็นถึงจุดแข็งด้านความใกล้ชิดประชาชน การสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ และการตัดสินใจฉับไว แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อน ข้อจำกัดของโครงสร้างราชการและระบบเมืองที่กระจัดกระจาย หากไม่เร่งบูรณาการฐานข้อมูลสุขภาพ อาคาร และโครงสร้างพื้นฐาน เมืองก็จะยังคง “วิ่งไล่ตามปัญหา” มากกว่า “ป้องกันไม่ให้เกิด”

กรุงเทพฯ จึงยังคงเป็นเมืองที่ท้าทายที่สุด​ ทั้งสำหรับผู้ว่าฯ ชัชชาติ และสำหรับระบบการเมืองการปกครองไทยโดยรวม