DSI–อุทยานฯ บุกทลายแก๊งค้าไม้ข้ามชาติ พบเอี่ยว จนท.รัฐ​ สูญหลายพันล้าน

1117

ปฏิบัติการยึดไม้แปรรูปล็อตใหญ่ มูลค่าความเสียหายกว่า 2.4 พันล้าน ขบวนการใช้บริษัทนอมินีคนไทยบังหน้า ส่งออกจีน–เวียดนาม คาดเจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยวทุกขั้นตอน

วันที่​ 18 กันยายน​ 2568​ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำหมายค้นศาลจังหวัดหนองคาย เข้าตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ขณะคนงานกำลังลำเลียงไม้แปรรูปขึ้นรถตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมควบคุมตัวขบวนการลักลอบตัดไม้มีค่าข้ามชาติส่งขายเวียดนามและจีน โดยมีนายทุนจีน เวียดนาม ลาว และคนไทย รวมกว่า 10 คน

จากการสืบสวนนานกว่า 3 เดือน เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน โดยใช้เฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย และอุทยานแห่งชาติออบหลวง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินเท้าลงพื้นที่ พบต้นประดู่ ไม้สัก ไม้พยูง และไม้เบญจพรรณถูกตัดโค่นจำนวนมาก ก่อนวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง ตรวจวงปี และเก็บดีเอ็นเอเป็นหลักฐาน

พบว่ามีการใช้รถกระบะคอกเหล็ก รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ในการลำเลียงไม้ โดยมีนายทุนจีนและเวียดนาม รวมทั้งหัวหน้าและคนงานชาวลาวเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีคนไทยทำหน้าที่นอมินี เปิดบริษัทส่งออกบังหน้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่แอบลักลอบส่งไม้มีค่าข้ามชาติ

ขบวนการเริ่มจากป่าอนุรักษ์ในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย และป่าสงวนในจังหวัดตาก ลำปาง และเชียงใหม่ โดยว่าจ้างชาวบ้านลักลอบตัดไม้และแปรรูป ก่อนขายให้เครือข่ายท้องถิ่น จากนั้นใช้รถกระบะคอกเหล็กบรรทุกออกจากป่าโดยอำพรางด้วยพืชผลเกษตร นำไปซุกซ่อนตามสวนลำไย แล้วรวบรวมที่โกดัง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนส่งต่อไปยังโกดัง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

ไม้ทั้งหมดจะถูกบรรจุในรถตู้คอนเทนเนอร์ ส่งออกไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อนำไปยังเวียดนามและจีน บางส่วนลำเลียงผ่านด่านศุลกากรจังหวัดหนองคายไปยังประเทศลาวโดยไม่ถูกเปิดตรวจ เนื่องจากเอกสารมีการรับรองจากเจ้าหน้าที่รัฐ

รถบรรทุกสิบล้อที่ใช้ลำเลียงไม้ผิดกฎหมายไม่มีใบเบิกทาง และไม่ได้รับอนุญาตเคลื่อนย้ายไม้ แต่ยังสามารถผ่านด่านได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐคอยอำนวยความสะดวก

สาเหตุที่ลำเลียงไม้จากภาคเหนือไปทางภาคอีสาน แทนที่จะส่งตรงไปยังแหลมฉบัง เนื่องจากมีบริษัทนอมินีในพื้นที่อีสานทำหน้าที่คล้ายบริษัทชิปปิ้งเพื่อส่งออกไม้ไปต่างประเทศ

การข่าวพบว่า มีการสำแดงเอกสารต่อกรมศุลกากรว่าไม้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่ต้องเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตรวจสอบ เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมไม่ตรวจพิสูจน์ก่อนส่งออก

ผู้เช่าโกดัง 1 ในผู้ถูกควบคุมตัว ยอมรับว่าเช่าพื้นที่ร่วมกับสามีเพื่อจัดการส่งไม้ไปจีนและเวียดนาม โดยทุกเดือนจะเปิดบัญชีธนาคารและทำบัตรเอทีเอ็มมอบให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายไม้ ทั้งในจังหวัดอุดรธานีและระดับกรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตู้ละ 60,000 บาท

ด้าน​ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่าปฏิบัติการครั้งนี้สืบทราบว่ามีการลักลอบตัดไม้สัก ประดู่ และไม้เบญจพรรณในภาคเหนือ ก่อนลำเลียงไปซุกซ่อนในโกดังจังหวัดหนองคายเพื่อส่งออก โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้นเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่คนขับรถเทรลเลอร์รับสารภาพว่าได้ค่าจ้างเที่ยวละ 24,000 บาท วิ่งจากแหลมฉบังมาขึ้นไม้ที่หนองคายแล้วส่งออกไปต่างประเทศ ทำมาแล้ว 3 ครั้ง แม้รู้ว่าเป็นไม้ส่งออก แต่ไม่ทราบว่าเป็นไม้ผิดกฎหมาย

จากการตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปี (พ.ศ. 2566–2568) พบความเสียหายในตลาดไทยกว่า 1,233 ล้านบาท และหากส่งออกไปต่างประเทศจะมีมูลค่าสูงถึงกว่า 2,467 ล้านบาท