เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยความคืบหน้าภายหลังคณะทํางานพรรคเพื่อไทยได้หารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า มีมติกันว่าจะมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แต่จะไม่ได้เลือกโดยตรง ใช้เป็นการเลือกโดยอ้อม แล้วให้รัฐสภาคัดเลือก ซึ่ง สสร. จะมาจาก 2 ส่วน คือ ส่วนแรก ให้แต่ละจังหวัดไปเลือกตัวแทนที่ประสงค์จะมาเป็น สสร. จํานวน 200 คน ผ่านการสมัคร ซึ่งให้ยึดถือตามจำนวนดังกล่าว และมาให้รัฐสภาเลือกให้เหลือ 100 คน ซึ่งมีเงื่อนไขว่า น้อยที่สุดคือเลือกจังหวัดละ 1 คน เนื่องจากอาจจะมีการทุ่มเทบางจังหวัดที่เป็นฐานเสียงของรัฐบาล อย่างไรก็ดี ตนคิดว่า ควรมีตัวแทนจากองค์กรทั้งหลายในประเทศ ทั้งทางด้านประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม เช่น มีตัวแทนจากคณบดี คณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาท้องถิ่น สภาทนายความ สื่อมวลชน และตัวแทนจากวิชาชีพทั้งหลาย เข้ามาเป็น สสร. ด้วย รวมถึงอยากให้มีตัวแทนนิสิต นักศึกษาองค์กรต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย อย่างน้อย 30-40 คน และให้ สสร. ชุดนี้ ทําหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สามารถไปตั้งคณะกรรมาธิการคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วม ทั้งนี้ คาดว่าจะมี 140 คน
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ในส่วนคณะทํางานได้มอบหมายให้เลขาธิการฝ่ายกฎหมายไปยกร่าง ซึ่งเข้าใจว่า ในวันที่ 19 ก.ย. นี้ เวลา 13.00 น. จะมีการนําร่างทั้งหมดมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย และนำเสนอ
สำหรับคําถามประชามติครั้งที่สอง จะมีการกําหนดเรื่องหมวด 1 และหมวด 2 หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการเพิ่มหมวด 15 ว่าด้วยการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งหากหมวดนี้ทําสําเร็จแล้ว การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นอย่างไร ก็ต้องเสนอร่างใหม่ทั้งหมด และเมื่อมีการทําประชามติแล้ว ก็จะถือว่าเป็นร่างสมบูรณ์
ส่วนการเดินสายทําความเข้าใจกับ สว.นั้น พรรคเพื่อไทยดําเนินการแล้วหรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า ตนไม่มีหน้าที่ไปทําความเข้าใจ เป็นหน้าที่ของ สว. ต้องคิดกัน พรรคไหนจะไปทําความเข้าใจก็ได้ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ตกลง เพียงแต่ขอความสนับสนุน ว่าหากอยากให้จัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ช่วยมาโหวต เพราะต้องการเสียงอย่างน้อย 1 ใน 3 หรือ 67 เสียงเป็นอย่างต่ำ ยอมรับว่าเรื่องเสียง สว. ไม่พอ ก็อยู่ในความกังวลเหมือนกัน
ส่วนกังวลว่า สสร. จะเหมือนกับคดีเลือก ฮั้ว สว. หรือไม่ นายชูศักดิ์ มองว่า การที่ประชาชนในจังหวัดเลือกกันมา ไม่มีเป็นกลุ่มอาชีพแบบ สว. เป็นคนละอย่างกัน สมมติอยู่จังหวัดนี้ มี สสร. ได้ตามจํานวนประชากร หากสนใจก็ไปสมัคร แล้วให้ประชาชนมาโหวตเลือกกัน เพียงแต่ยังไม่ได้เป็น สสร. ทันที ต้องให้รัฐสภาเลือกอีกครั้ง ย้ำว่าจุดใหญ่คือคิดว่าให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่มาทํากันเอง เพราะอยากให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน
ส่วนพรรคเพื่อไทยมีการคุยกันถึงไทม์ไลน์การทำร่างแรกให้แล้วเสร็จหรือไม่ เนื่องจากจะมีการปิดสมัยประชุม ในวันที่ 30 ตุลาคม นี้ นายชูศักดิ์ มองว่า จริง ๆ ช่วงปลายกันยายนนี้ หรือ ตอนต้นตุลาคม ก็สามารถเสนอได้ เพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม เพียงแต่ช่วงปลายตุลาคมที่จะปิดสมัยประชุมนั้น รัฐสภามีหน้าที่อย่างน้อย คือตั้งคณะกรรมาธิการไว้ก็ได้ เพื่อให้คณะกรรมาธิการทํางาน ให้ สสร. ทํางานได้ เพื่อที่ร่างจะได้แล้วเสร็จ เมื่อเปิดสมัยแล้ว จะได้มาโหวตกันได้
ทั้งนี้ เรื่องที่มาของ สสร. ได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย หรือยัง นายชูศักดิ์ เผยว่า พยายามจะคุยกันในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ก็นัดตนไว้ ซึ่งน่าจะนั่งคุยกันอยู่ในสภา แต่จุดยืนขอเป็นแบบนี้
สำหรับกรณีการตัดอํานาจ สว.บางส่วน ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยจะมีเรื่องนี้ เหมือนพรรคประชาชนหรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า เป็นเรื่องรายละเอียด ว่าจะทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร ก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะท้ายที่สุด ก็ต้องเสนอร่างเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากเสนอหมวด 15/1 ต้องค่อยไปคิดกันตอนนั้น
หากในชั้นกรรมาธิการ รับทั้ง 3 ร่าง ต้องมีการตกลงกันว่า จะใช้ร่างใดเป็นร่างหลัก หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่า คงไม่ต่างอะไรกันมาก

