อายัดบัญชีแบงก์ลอยตัว ตำรวจกลายเป็นหนังหน้าไฟ พงส.ร้อยเวรโรงพักภาระหนักสุด                                         

1065


             สัปดาห์ที่ผ่านมาสุจริตชนต่างอยู่ในอาการขวัญผวา เพราะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการถูกอายัดบัญชีธนาคาร ชาวบ้านที่โดนอายัดเดือดร้อนหนัก มีทั้งยอดเงินในบัญชีติดลบ ทำธุรกรรมต่างๆไม่ได้   เนื่องจากสงสัยว่าอาจเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของแก๊งมิจฉาชีพ

        อาทิ​ บัญชีของแม่พ่อค้ายังถูกอายัดทั้งที่ ทำธุรกรรมทางการเงินน้อยมากไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์หรือบัญชีม้า มีรายการโอนเข้าแค่หลักสิบหรือหลักร้อยเท่านั้น ไปติดต่อธนาคารหลายรอบจนกระทั่งเป็นข่าวธนาคารจึงถอนอายัดให้  

      ทำให้สังคมถามหาความชัดเจนว่าใครจะรับผิดชอบ ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารพาณิชย์ และตำรวจ ผลปรากฏว่าทั้งธปท.และธนาคารพาณิชย์ ต่างๆชี้ไปที่ตำรวจ ว่ามีอำนาจสั่งอายัด จนเกิดข้อโต้แย้งว่า ธปท.และธนาคารพาณิชย์น่าจะร่วมรับผิดชอบกับตำรวจไม่ใช่ลอยตัวแล้วปล่อยให้ตำรวจเป็นหนังหน้าไฟ ให้สังคมรุมวิพากษ์วิจารณ์

      หากย้อนดูปัญหาแล้วทั้งสามหน่วยงานต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติภาระหนักกลับตกอยู่ที่ตำรวจ โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนโรงพักต่างๆ นอกจากจะต้องรับคดีอื่นๆแล้วยังต้องรับผิดชอบคดีออนไลน์ อีกต่างหาก

     เหตุอายัดบัญชีในครั้งนี้”ประดู่แดง”ขอมองในแง่ดี ว่าทำให้สังคมได้เห็นว่าการทำงานของตำรวจนั้นยากลำบากแค่ไหน แต่ละคดีจะต้องใช้เวลาในการสอบปากคำ ต้องแสวงหาหลักฐานที่เป็นเอกสารเพื่อประกอบสำนวนคดีขอถอนอายัดบัญชี

   โดยร้อยเวรคนหนึ่งบอกว่าเมื่อโทรเข้า 1441 แจ้งว่าบัญชีนี้โกง แค่ตรวจสอบว่ามีรายการโอนจริง ธนาคารอายัดเลย 3 วัน ต่อมา 1441 ลงข้อมูลในระบบแจ้งความออนไลน์ของตำรวจ ตัวระบบจะเร่งรัดแจกคดีให้กับร้อยเวรตามโรงพัก ว่าตำรวจคนไหนจะได้คดีไป เมื่อได้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ส่งเอสเอ็มเอสไปบอกผู้เสียหายให้แจ้งความกับร้อยเวร ที่โรงพัก เอกสารทั้งหมดต้องยื่นที่โรงพัก

  “ จากนั้นกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.)จะเอาข้อมูลจากในระบบที่ได้จากการโทรตรงเท่านั้น เพราะหลักฐานอยู่ที่โรงพัก ไปทำหมายอายัดบัญชี ส่งทางระบบออนไลน์ไปธนาคารของผู้เสียหาย โดยยืนยันว่าเป็นคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นจริง (ทั้งที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย และไม่ได้ติดต่อทางโรงพัก) ธนาคารไล่เส้นเงินมาให้พร้อมทำอายัดไปด้วย”ร้อยเวรคนเดิมระบุและว่าทางบช.สอท.จะทำทุกคดีที่โผล่ในระบบแจ้งความออนไลน์ แบบเด้งปุ๊บทำปั๊บ​ ร้อยเวรคนเดิมอธิบายถึงบัญชีม้าว่ามีกี่ชนิดและธนาคารไล่เส้นทางเงินตามหยามอายัดแล้วไปแตะๆอาจจะโดนอายัดได้ ส่วนการถอนอายัดทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกระเบียบว่าบช.สอท.ทำหมายเพื่ออายัดอย่างเดียว แต่การปลดล็อกให้ร้อยเวรโรงพักที่ 1441 แจกคดีให้

     ร้อยเวรคนเดิมระบุว่ากรรมมาตกที่ตำรวจโรงพัก ผู้เสียหายจะมาตามคดีส่วนเจ้าของบัญชีมาตามเรื่องถอนอายัด ปกติร้อยเวรโรงพักหน้าที่หลักๆคือทำคดี ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ต่อให้ไม่มีคดีออนไลน์ต้องทำคดีรถชน ไฟไหม้ เช็คเด้ง ชาวบ้านตีกัน โพสต์ประจานหมิ่นประมาท ฯลฯ ต่างจากบช.สอท. ทำแค่หมายอายัดไม่ต้องมางานงานจับฉ่ายแบบตำรวจโรงพัก

  “การถอนอายัดนั้นต้องสอบปากคำทั้งเจ้าของบัญชี ทั้งผู้เสียหายลงในกระดาษ ให้ลงลายมือชื่อ ร่างหนังสือเสนอผู้บังคับบัญชาลงนาม แล้วเอากระดาษนี้ไปสแกนเป็น PDF ส่งเข้าระบบ ไม่มาคลิกๆกดๆง่ายเหมือนหน่วยงานที่ทำอายัด เลยกลายเป็นงานเอกสารที่เพิ่มเข้ามาให้ร้อยเวรทำ แน่นอนว่าคนทำมีคนเดียวไปเบียดบังเวลาของคนอื่นอีก”ร้อยเวรระบุและว่าเกิดขึ้นทุกที่คืองานมาติดคอขวดที่ร้อยเวรโรงพักเกิดความล่าช้า ทั้งนี้มีหลายคนโดนอายัดบัญชีจะพูดเหมือนกันว่าธนาคารกับตำรวจโยนกันไปมา ทั้งที่ธนาคารเป็นคนเลือกเอง ไม่ใช่ตำรวจ แต่เมื่อเจ้าของบัญชีโดนอายัดโทรฯไปถามธนาคาร ทางธนาคารจะบอกว่าตำรวจสั่งให้อายัดตามหมาย

  ขณะที่พนักงานสอบสวนหญิงสะท้อนว่า 1441 อายัดบัญชี ง่าย สะดวกรวดเร็ว ไม่รู้สี่รู้แปด แค่โทรฯบอกว่าโดนโกงก็อายัด ใครอายัดไม่รู้ แต่รู้ชื่อว่ากรูเป็นร้อยเวรโรงพัก แจกเบอร์โทรฯส่วนตัว ผู้เสียหายจะมาให้ปากคำ โทรฯจิกยิ่งกว่าผัว  เพราะอยากได้ตังคืน ในมือพนักงานสอบสวนคดีออนไลน์คนหนึ่งมีเป็นพัน เอาไปประเมินผลการทำงานไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในระบบCRIMES ไม่ได้ตัดเลขเป็นเลขรับคดี


  “ปัญหายุ่งตั้งแต่ บช.สอท. แจกคดีมาโรงพักและแจกเบอร์โทรฯร้อยเวร ไม่มีวันเข้าเวรออกเวรโทรฯตั้งแต่ตีอะไรไม่รู้จนดึกดื่นก็โทรฯ ค่าโอทีรับโทรศัพท์หลวงไม่ได้จ่าย มือถือกรูซื้อเอง เน็ตเติมเอง แถมต้องมาถ่ายเอกสารให้คนดีร์ที่โดนหลอก ความเครียดมหาศาลมาตกที่ร้อยเวรโรงพัก”พนักงานสอบสวนหญิงระบุและว่าจะให้ดีบัญชีต่างๆธนาคารรู้ได้อยู่แล้วว่ามีเงินออกผิดปกติยังไง เงินหมุนเพียงเสี้ยววินาทีไปมอนิเตอร์ตรงนั้น บล็อกตรงนั้น กฎหมายให้ธนาคารรับผิดชอบไม่ใช่ให้พนักงานสอบสวนรับผิดชอบทำนะจ๊ะ”ร้อยเวรหญิงระบุ


   จากเสียงสะท้อนทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าพนักงานสอบสวนหรือร้อยเวรโรงพักนั้นงานหนักแค่ไหน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อถึงฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายบรรดาพนักงานสอบสวนต่างวิ่งเต้นย้ายไปสังกัดกองบัญชาการที่ทำงานเพียงหน้าเดียว ไม่ว่าจะเป็น บช.ก. บช.สอท. สตม.และบช.ปส. เป็นต้น ส่งผลให้โรงพักเกือบทั่วประเทศขาดแคลนพนักงานสอบสวน และบางโรงพักอยู่ภาวะวิกฤต


   “ประดูแดง”ได้แต่หวังว่าผู้บริหารระดับ ตร.และ บช.คงจะเร่งหาทางแก้ไขโดยด่วน เพื่อไม่ให้โรงพักเปรียบเสมือนหน้าตาของสำนักปทุมวันอยู่ในการง่อยเปลี้ยเสียขา !!!