ที่ กองปราบปราม พลตำรวจตรี อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) พร้อมด้วย พันตำรวจเอก จรูญเกียรติ ปานแก้ว,พันตำรวจเอก สันติ ชัยนิรามัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.),พันตำรวจเอก วิจักขณ์ ตารมย์ ผู้กำกับการสนับสนุนกองปราบปราม (ผกก.สนับสนุน บก.ป.) ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายเกรียงศักดิ์ ถิรไชย หรือศักดิ์ ผาสุก อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระนอง ที่ 74/2561 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะวัยรุ่นเสียชีวิตหน้าสถานบันเทิงใน จ.ระนอง ได้ภายในวัดพ่อตาหินช้าง จ.ชุมพร
นอกจากนี้ได้จับกุม นายวินัย ทองบาง อายุ 27 ปี อยู่ที่ 127 ม.8 ต.พันลาน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ นายยศธร ถิรไชย อายุ 40 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นางชนิกา ถิรไชย อายุ 32 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และน.ส.อุมาพร ชัยกายุทธ อายุ 27 ปี อยู่ที่ 121 ถ.นิพัทธ์ภักดี ต.หาดใหญ่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในข้อหา “ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้น ด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม” โดยสามารถจับกุมได้ขณะขับรถยนต์ผ่านด่านตรวจบ้านพละ หมู่ 3 ต.เขาไชยราช อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังร่วมกันพา นายเกรียงศักดิ์ หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่
พลตำรวจตรี อภิชาติ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากนายเกรียงศักดิ์และพวก ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงนายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง หรือ “แจ๊ค สะพานยูง” อายุ 25 ปี เสียชีวิตที่บริเวณหน้าหน้าสถานบันเทิง ซี๊ดผับ ถ.เรืองราษฏร์ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งรัดติดตามผู้ก่อเหตุได้ 3 ราย และยังหลบหนีอยู่ 3 ราย คือ นายเกรียงศักดิ์ ถิรไชย นายภูมิพรรดิ์ หรือเป้ ชาติประนอมไชย และนายไพบูลย์ บริสุทธิ์ ซึ่งทาง พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พลตำรวจโท สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้สั่งการให้ กองปราบปราม ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้โดยเร็ว
พลตำรวจตรี อภิชาติ กล่าวต่อ ว่า จากนั้นทาง ผบก.ป. ได้สั่งการให้ กก.สนับสนุน ร่วมกับ กก.1- กก.6 บก.ป. บูรณาการในการสืบสวนติดตามผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ จนเมื่อประมาณกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. สืบทราบมาว่าหลังจากเกิดเหตุนายเกรียงศักดิ์ กับพวก ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงราย และได้หลบหนีออกนอกประเทศจากการช่วยเหลือของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. จึงได้ทำการประสานงานหน่วยงานระหว่างประเทศ ขอความช่วยเหลือให้ทำการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีในประเทศไทย ต่อมาตำรวจ บก.ป. รับแจ้งจากหน่วยงานระหว่างประเทศว่า นายเกรียงศักดิ์ หลบหนีกลับเข้ามายังประเทศไทย โดยการช่วยเหลือของนางอุมาพร แฟนสาวนายเกรียงศักดิ์ นายยศธร และนางชนิกา ซึ่งเป็นญาติของนายเกรียงศักดิ์
พลตำรวจตรี อภิชาติ กล่าวอีกว่า จากนั้น จึงได้ทำการสืบสวนติดตามกระทั่งทราบว่าได้มาพักอาศัยอยู่ในอพาร์ตเม้นแห่งหนึ่งย่านทุ่งสองห้อง จากการช่วยเหลือของนายวินัย ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค.61 ตำรวจ บก.ป. ได้ทำการปิดล้อมพื้นที่เพื่อหาตัวนายเกรียงศักดิ์ แต่นายเกรียงศักดิ์ กับพวกไหวตัวทันหลบหนีการจับกุมไปได้ จากนั้นได้ขยายผลจนทราบรถยนต์ที่ใช้หลบหนีพร้อมเส้นทางว่ามีการเดินทางลงใต้จึงประสานข้อมูลไปยังตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้ช่วยเฝ้าติดตาม จนกระทั่งวานนี้พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายเกรียงศักดิ์ โดยสกัดจับนายยศธร และนางชนิกาได้ที่บริเวณพื้นที่ สภ.บ้านมาบอำมฤต จ.ชุมพร และจับกุมนายเกรียงศักดิ์ และน.ส.อุมาพร ได้ภายในวัดพ่อตาหินช้าง จ.ชุมพร จึงได้ควบคุมตัวนายเกรียงศักดิ์ และพวกไปทำการสอบสวน ซึ่งขณะจับตัวนายศักดิ์ ไม่ได้มีการอำพรางตัวตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด
พลตำรวจตรี อภิชาติ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน นายเกรียงศักดิ์ ให้การว่า ในคืนเกิดเหตุผู้ต้องหากับ นายเป้ และพวกได้เดินทางไปร่วมงานศพในจังหวัดระนอง จากนั้นก็ได้ไปเที่ยวต่อกันที่สถานบันเทิงดังกล่าว กระทั่งมีปากเสียงกับกลุ่มผู้ตาย จนเกิดการทะเลาะวิวาท สาเหตุมาจากเปิดเพลงจากเครื่องเสียงรถยนต์ส่งเสียงดังจนชาวบ้านรำคาญ ซึ่งกลุ่มผู้ตายได้เข้าไป ตักเตือน เป็นเหตุให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจ จากนั้นนายเกรียงศักดิ์จึงได้นำอาวุธปืนที่ติดตัวมายิงขึ้นฟ้าจนหมดแม็ก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่นายเป้ได้นำปืนอีกกระบอกมายิงใส่นายเทพฤทธิ์ แซ่อ๋อง เสียชีวิต ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบความผิดไปกบดานในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำผ่านการช่วยเหลือของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้จะขยายผลผู้ที่ให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกกับผู้ต้องหาในการหลบหนี รวมทั้งให้แหล่งที่พักพิง อีกทั้งอยู่ระหว่างการเร่งรัดจับกุมนายเป้ ซึ่งยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่รอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน ต่อไป
รายงานว่าจากการตรวจสอบประวัติพบว่านายเป้และนายเกรียงศักดิ์ ถือเป็นบุคคลอันตราย มีหมายจับติดตัวหลายคดี โดยทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่ตอนถูกจำคุกภายในเรือนจำจังหวัดสงขลา ซึ่งนายเกรียงศักดิ์ และนายเป้ถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น ถูกดำเนินคดี 10 ปี หลังพ้นโทษได้มาร่วมกลุ่มกันก่อเหตุหลายครั้ง โดยนายเกรียงศักดิ์มีหมายจับติดตัว 10 หมายจับ ในคดีฆ่าผู้อื่น ยาเสพติด ปล้นทรัพย์ รวมทั้งทำร้ายร่างกาย เช่นเดียวกับนายเป้ ที่มีหมายจับ 14 หมายจับในคดีลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่านายเกรียงศักดิ์เคยก่อเหตุขับรถไล่ยิงอ้วน เซียนตึ้ง นักเลงคู่อริชื่อดังกลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากมีการท้าทายกันผ่านทางเฟซบุ๊ก
ขณะเดียวกันมีรายงานตำรวจ บก.ป. ได้นำตัวนายวินัยไปฟ้องต่อศาลอาญารัชดาแล้ว ในข้อหา “ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม” โดยศาลได้พิพากษาลงโทษ นายวินัยให้จำคุก 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ต้องหาที่กระทำความผิดอย่างร้ายแรงให้พ้นจากการถูกจับกุมและถูกลงโทษ ในส่วนของผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างการขยายผลหาความเชื่อมโยง และจะมีการส่งฟ้องต่อศาลต่อไป