ยาเสพติดรุกชุมชนชาวเลราไวย์หนัก “ทวี” ชี้มิติปัญหาซับซ้อน แนะใช้ 6 อ. แก้ เร่งนำเด็กเข้าระบบศึกษา-อาชีพ ให้ชุมชนมีส่วนร่วม

615

ภูเก็ต, 13 กันยายน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางไปตรวจราชการและติดตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนมู่บ้านชาวเลราไวย์ ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้นำชุมชนและประชาชน โดยมีนายโชติพันธ์ จุลเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 8 (สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค8), นายปริญญา ศรีธัญญแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต, นายวิเชียร ไชยสอน ยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต, นายธิติ บุณยัษเฐียร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองภูเก็ต, นายจรุง เถาว์จันทร์ กำนันตำบลราไวย์, พ.ต.ท.ภูเอก มุสิกวงษ์ สารวัตรสืบสวน สภ.ฉลอง, นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต เขต 2 พรรคประชาชน เข้าร่วมให้ข้อมูล

นายธิติ รายงานสถานการณ์ว่าชุมชนชาวเลราไวย์มีประชากรประมาณ 960 คน และกำลังเผชิญกับปัญหายาเสพติดที่ซับซ้อน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา มีการจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้กว่า 70 ราย โดยมีเด็กอายุ 13 ปีเป็นผู้จำหน่ายและผู้เสพที่อายุน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่ายาเสพติดถูกลำเลียงเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหมู่บ้านชาวประมงที่หนาแน่นทำให้การเข้าตรวจค้นเป็นไปได้ยาก ซึ่งสาเหตุหลักมาจากปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษาและมีพ่อแม่เข้าไปพัวพันกับยาเสพติด ทำให้ถูกชักจูงเข้าสู่วงจรการค้าได้ง่าย ฝ่ายปกครองพยายามนำเด็กเหล่านี้กลับสู่ระบบการศึกษานอกโรงเรียนและฝึกอาชีพ โดยสามารถช่วยเหลือเด็กให้กลับมามีอาชีพที่สุจริตได้แล้ว 7 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า ปัญหาในชุมชนแห่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด แต่เป็นปัญหาสังคมที่เชื่อมโยงกัน ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย อาชีพ รายได้ และโอกาส โดยเฉพาะปัญหาที่ดินของชาวเลที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเคยเข้ามาดูแล แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งทำให้ชาวบ้านขาดความมั่นคงในชีวิต จึงขอเสนอให้ใช้ชุมชนราไวย์เป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยเปลี่ยนจากระบบรวมศูนย์เป็นชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในด้านที่ดิน, อาชีพ และรายได้ จึงควรนำการศึกษาเข้ามาสู่ชุมชนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนสามารถแยกแยะถูกผิด และสร้างอาชีพที่สุจริตได้อย่างยั่งยืน

รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ปัญหาในพื้นที่ราไวย์มีต้นตอมาจากปัญหาสังคม การศึกษา รายได้ และที่อยู่อาศัยที่ซับซ้อน จึงเห็นควรให้ กระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่ดินของชาวเลควบคู่ไปกับการทำงานของหน่วยงานในจังหวัด และ ส.ส. ในพื้นที่ เพื่อให้ชาวบ้านมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและเข้าถึงสาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ราไวย์อย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับชุมชนชาวเลอย่างยั่งยืนต่อไป รวมถึง การนำนโยบาย 6 อ. ของตน คือ 1. อาหาร 2. อาศัย 3. อนามัย 4. โอกาส 5. อาชีพ 6. อัตลักษณ์ และการปราศจากความอยุติธรรมมาเป็นหลักปฏิบัติ ในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนด้วย

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า ภูเก็ตไม่ใช่แค่พื้นที่ของประเทศไทย แต่เป็นจุดหมายปลายทางของคนทั่วโลก หากสามารถแก้ไขปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ได้ ภูเก็ตก็จะกลายเป็นเมืองต้นแบบที่น่าอยู่และยั่งยืนอย่างแท้จริง