
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรก.บก.ทล., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.3 บก.ทล., พ.ต.ท.ตุลยวัต เมืองทอง, พ.ต.ท.สมบูรณ์ เอื้อสมานไมตรี รอง ผกก.3 บก.ทล, พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สวญ.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., ว่าที่ พ.ต.ต.บดี ดวนพล สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร.ต.อ.ภิเชศ นาเมืองรักษ์ รอง สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., ร.ต.ท.ศิริพงษ์ ฉ่ำศิริ, ร.ต.ต.อนิวรรต ปิ่นเพชร รอง สว.(ป) ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., ด.ต.ธีระ สมหวัง, ด.ต.จุฬาวุธ กองดวง,จ.ส.ต.เกียรติสถาพร กฐินเทศ, ส.ต.ท.ภานุวัตร สิงห์สมบัติ ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม นางสาวภิตาฯ อายุ 42 ปี สัญชาติไทย ความผิดฐาน ดังนี้
1. ตามหมายจับศาลจังหวัดระยอง ที่ 271/2568 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 กระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
2. หมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 137/2568 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
3. หมายจับศาลแขวงพัทยา ที่ 117/2568 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์”
4. หมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 583/2568 ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2568 กระความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
5. หมายจับศาลแขวงพัทยา ที่ 292/2568 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2568 กระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านพักแห่งหนึ่ง ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชลบุรีได้สืบสวนติดตามจับกุม น.ส.ภิตาฯ อายุ 42 ปี บริเวณหน้าบ้านพักแห่งหนึ่ง ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระยอง ที่ 271/2568 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือ โดยหลอกลวงนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอม ให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
เมื่อช่วงประมาณปลายเดือน พ.ค.68 น.ส.ภิตาฯ ได้รับการชักชวนจากเพื่อนไปรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้กับกลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนที่มาซ่อนตัวในพื้นที่พัทยา ซึ่งหลังจากเปิดบัญชีเพียงวันเดียวได้มียอดเงินโอนเข้ามากว่า 2 ล้านบาท โดยอ้างว่าไม่ทราบแหล่งที่มาของยอดเงินดังกล่าว นอกจากนี้ น.ส.ภิตาฯ ยังรับจ้างเปิดบัญชีอีกหลายบัญชีให้กับกลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนอีกหลายกลุ่มอยู่เรื่อยมา เพื่อใช้หลอกหลวงเหยื่อ ให้โอนเงิน จนมีผู้เสียหายจำนวนหลายรายเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์นำมาซึ่งการถูกออกหมายจับ และหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่สัตหีบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า ยังมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว และพบคดีอีก 18 คดี อยู่ระหว่างพิจารณาการออกหมายจับ ซึ่ง น.ส.ภิตาฯ ถือว่า เป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่อาจเชื่อมโยงถึงกลุ่มสแกมเมอร์อีกหลายกลุ่ม จากนั้นนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย สภ.เมืองระยอง โดยข้อกล่าวหาข้างต้นมีโทษตามกฎหมาย ดังนี้
1. เป็นผู้สนับสนุนฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง โทษจำคุกไม่เกิน 1-10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
2. พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย
แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
3. พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 มาตรา 9
ผู้ใดเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน

โดยมิได้ มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ประชาสัมพันธ์ หากผู้ใดได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว ให้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ในพื้นที่หรือแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมทางเพจเฟซบุ๊ก “ตำรวจสอบสวนกลาง”

