กก.คุ้มครองเด็กแห่งชาติ ยกระดับสถานรองรับเด็กเอกชนทั่วประเทศ เร่งร่าง กม.ลูก รับพรบ.คุ้มครองเด็ก

680

กรุงเทพฯ, วันที่ 8 กันยายน – นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มอบหมายให้นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2568 โดยนางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กล่าวถึงผลการประชุมว่า คณะกรรมการมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานสถานรองรับเด็กเอกชนทั่วประเทศ ประกอบด้วย 7 กิจกรรม

นางอภิญญา กล่าวว่า 1) การจัดทำฐานข้อมูลเด็กและสถานรองรับเด็ก เพื่อให้มีฐานข้อมูลเด็กรายบุคคล สถานการณ์เคลื่อนย้ายเด็กที่มีประสิทธิภาพ (รู้พิกัด รู้สถานะ) 2) การวิเคราะห์ จัดทำสถานการณ์ และแผนการดำเนินงานระดับจังหวัด เพื่อให้จังหวัดได้ทราบสถานการณ์ในพื้นที่ และดำเนินการให้มีแผนส่งเสริมสถานรองรับเด็กเอกชนในจังหวัด  3) การดำเนินงานมาตรฐานการเลี้ยงดูเด็กในสถานรองรับเด็กเอกชน เพื่อให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ปลอดภัย มีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมให้สถานรองรับเด็กเอกชนดำเนินงานตามมาตรฐาน และมีการเตรียมความพร้อมในการขอรับใบอนุญาต

4) การพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อดำเนินการตามมาตรฐาน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานมีขีดความสามารถในการดำเนินงานตามมาตรฐาน 5) การกำกับติดตาม เพื่อให้มีทีมทำงานระดับจังหวัดและส่วนกลางที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งมีการติดตามการดำเนินงานของจังหวัดผ่านการรายงานผล/การหารืออย่างต่อเนื่อง 6) การปรับปรุงกฎหมาย เพื่อให้กฎหมาย ระเบียบ และแนวปฏิบัติมีความสอดคล้อง และเอื้ออำนวยต่อการเลี้ยงดูเด็ก และ 7) การสื่อสารสาธารณะ โดยใช้กลไกคณะกรรมการคุ้มครองเด็กทุกระดับ รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานให้สามารถสื่อสารแนวทางการดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้สถานรองรับเด็กเอกชน มีความเข้าใจ พร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินงานและสื่อสารให้สังคมรับรู้เรื่องการเลี้ยงดูเด็กในสถานรองรับเด็กทุกรูปแบบ โดยไม่เลือกปฏิบัติ

ทั้งนี้ที่ประชุมมอบหมายกรมเด็กฯ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ปฏิบัติงานเชิงลึกและเป็นรูปธรรมในพื้นที่ที่มีสถานรองรับเด็กเอกชนจำนวนมาก และมีกลไกเครือข่ายภาคประชาสังคมสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเข้มแข็ง 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตาก และกาญจนบุรี

นางอภิญญา กล่าวว่า ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบ (ร่าง) กรอบหลักสูตรการฝึกอบรมปฏิบัติการผู้ช่วยนักสังคมสงเคราะห์ด้านการคุ้มครองเด็กเพื่อความมั่นคงชายแดน เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานร่วมในการพัฒนาบุคลากรผู้ช่วยนักสังคมสงเคราะห์ด้านการคุ้มครองเด็กที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ และมอบหมายคณะอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่  และผู้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองเด็ก พิจารณาให้ความเห็นเพื่อปรับปรุงหลักสูตรฯ ดังกล่าว พร้อมทั้งส่งให้สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์พิจารณารับรองอย่างเป็นทางการ เพื่อให้สามารถนับเป็นหน่วยกิตของนักสังคมสงเคราะห์รับอนุญาต

อธิบดีกรมเด็ก กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติรับทราบความก้าวหน้าการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. …. โดย พม. มีหนังสือยืนยันร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งที่ประชุมได้มีข้อสั่งการให้เร่งยกร่างกฎหมายลำดับรอง ภายใต้พระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว รวมทั้งจัดทำแผนการประกาศใช้ การปรับหลักสูตร และจัดอบรมให้สอดคล้องกับร่างกฎหมาย