ตำรวจCIB​ รวบหนุ่มพรากเด็ก 13 ไปอนาจารหลังหลบหนีหมายจับนาน 5 ปี

574

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรชาติ ธีรชาติธำรง​ ผบก.ปพ., พ.ต.อ.สุรพันธ์ มั่นคงดี, พ.ต.อ.วรศักดิ์ บัณฑิต รอง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผกก.สายตรวจ บก.ปพ.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.อาชวิน อาจทวี สว.กก.สายตรวจฯ, ร.ต.อ.อรุณ ธรฤทธิ์,ร.ต.อ.ธนเดช ลีลาถาวรกุล รอง สว.กก.สายตรวจ บก.ปพ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สายตรวจ บก.ปพ.ร่วมกันจับกุม นายชูชัยฯ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จังหวัดนครสวรรค์ ที่ 186/2563ลงวันที่ 4 ส.ค. 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจารและพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันควรเพื่อการอนาจาร”สถานที่จับกุม บริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยายนต์ ซ.อัญชลี 12 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ ผู้ปกครองเด็กหญิง อายุ 13 ปี ทราบว่า ผู้ต้องหาได้พาเด็กหญิง อายุ 13 ปี ไปจากผู้ปกครอง และกระทำอนาจาร ผู้ปกครองจึงได้ไปพบพนักงานสอบสวนแจ้งความ
เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ช่วงขณะเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้คบหากับเด็กหญิง อายุ 13 ปี จึงได้ก่อเหตุดังกล่าว ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับ นายชูชัยฯ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

กระทั่งชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนติดตามตัวทราบว่า หลังจากเกิดเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงได้ไปตรวจสอบ จนพบผู้ต้องหาบริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์
ซ.อัญชลี 12 ต.ท่าทราย จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นได้แสดงหมายจับให้ดูแจ้งว่าต้องถูกจับ พร้อมได้ทำการแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบและเข้าใจดีแล้ว รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน จึงได้จัดทำบันทึก และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป​ สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง​ ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด​ ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”