“อัครเดช” ดัน ร่าง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า เข้าสภาฯ ปกป้องผู้บริโภค-ส่งเสริม SME ไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

471

รัฐสภา, วันที่ 4 ก.ย. – นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้นำเสนอร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่า ร่างที่ตนเสนอจะเป็นการแก้ไขแทนร่าง พรบ.เดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อให้กฎหมายตอบโจทย์กับความเปลี่ยนแปลงไปของสังคมในยุคปัจจุบัน โดยย้ำว่า การแข่งขันทางการค้าในปัจจุบันมีความสำคัญและส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ความเป็นอยู่ของคนไทย โดยเฉพาะเมื่อเกิดการผูกขาดสินค้า

นายอัครเดช กล่าวว่า ร่างฉบับที่ตนเสนอนั้น มีเหตุผลสำคัญ 3 ประการที่เห็นว่าต้องมีการปรับปรุง ประกอบด้วย 1.การป้องกันและขจัดปัญหาความคลุมเครือของขอบเขตการบังคับใช้ของกฎหมาย กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจกระทำผิดกฎหมายนอกราชอาณาจักร แต่ผลการกระทำมีอิทธิพลต่อตลาดไทย ส่งผลต่อปัญหาในการลงโทษผู้กระทำผิด และปัญหาด้านการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศไทยที่ส่งผลต่อการแข่งขันทางการค้า 2.การกำหนดอายุการฟ้องคดีที่ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน และ 3.ประเด็นคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าที่ไม่มีรายละเอียดเพียงพอ

สส.ราชบุรี ยกตัวอย่างปัญหาให้เห็นภาพชัดเจน เช่น การที่ผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาดัมพ์ราคาตลาดสินค้าหลากประเภทในประเทศไทย ซึ่งเป็นการทำลายผู้ประกอบการรายอื่นและผู้บริโภค นอกจากนี้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ตนได้ไปตรวจเยี่ยมการตรวจตราสินค้าที่ด่านศุลกากรเชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งได้เห็นความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ แต่ก็ยังมีสินค้าไร้ มอก. หลุดมาเสมอ แต่ก็มีทีมสุดซอย ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม คอยตามจับกุม ซึ่งปัญหาเหล่านี้ คือ ปัญหาหลักที่สะท้อนถึงการแข่งขันทางการค้าที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ต้องการจะแก้ไขให้สามารถเอาผิดผู้ประกอบการต่างชาติได้ จะได้ไม่เกิดปัญหาเช่นนี้อีก

ประเด็นต่อมา คือ อายุความการดำเนินคดี โดยจะแก้ไขให้ปรับอายุความฟ้องร้องเป็น 3 ปี จากเดิมที่กำหนด 1 ปี เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงประเด็นการเผยแพร่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เพื่อให้พ่อแม่พี่น้องหรือผู้มีส่วนได้เสียได้เข้าถึงคำวินิจฉัยอย่างละเอียด อันจะช่วยสร้างความโปร่งใส ความสุจริตให้มีมากขึ้น

นอกจากนี้จะมีการแก้ไขอำนาจของคณะกรรมการฯ และการเพิ่มผู้เชี่ยวชาญในด้านการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้า อันจะช่วยให้คณะกรรมการฯ มีความสามารถในการพิจารณาคดีมากขึ้น และสุดท้าย คือ รายงานประจำปีที่ต้องส่งให้คณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎร จะกำหนดให้ต้องเผยแพร่ต่อสาธารณชน เพื่อให้มีการตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการฯ อันจะช่วยให้คดีต่าง ๆ ที่เข้าสู่คณะกรรมการฯ เป็นไปอย่างโปร่งใสมากขึ้น

“ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า ที่ตนเสนอ มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขและมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องและประเทศชาติ รวมทั้งจะสอดคล้องกับสถานการณ์บริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะช่วยให้การแข่งขันทางการค้ามีประสิทธิภาพและเกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการในประเทศไทยด้วย” นายอัครเดช กล่าว