
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.)ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญาข90ฃผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ธนาคาร จันทร์กระจ่าง รอง ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.สวรรยา เอียดตรง สวญ.ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล. และ พ.ต.ท.ธรรศพงศ์ ศรียะพันธ์ สว.ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.พงศ์อนันต์ สุวรรณโณ รอง สว.ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ท.อรุณรัชช์ ย่องตีบ รอง สว.(ป.) ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ท.สหายราษฎร์ กูเล็ม รอง สว.(ป.) ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ท.คารม คงแก้ว รอง สว.(ป.) ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ต.ส่งเสริม ชูยังด้วงโยธา รอง สว.(ป.) ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล.,ร.ต.ต.กิจกาญจน์ ไชยกาญจน์ รอง สว.(ป.) ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ต.พงศธร แดงเสนาะ รอง สว.(ป.) ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ส.ทล.5 กก.7 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.รอบียะห์ฯ อายุ 38 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม”พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อHonda รุ่น Jazz สีขาว, แผ่นป้ายภาษี, แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ จำนวน 2 แผ่น

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้พบ
น.ส.รอบียะห์ฯ (ทราบชื่อภายหลัง) ขับขี่ยานพาหนะปรากฏตามรายการของกลางข้างต้น ซึ่งมีลักษณะเป็นพิรุธต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วได้เรียกให้หยุด
ผลการตรวจสอบเอกสารทุกอย่างดูปกติ ไม่ว่าจะเป็นป้ายทะเบียน แผ่นป้ายภาษี หรือเลขตัวถังที่ติดบนตัวรถ โดยน.ส.รอบียะห์ฯ เองก็มีท่าทีปกติ เพราะเอกสารถูกปลอมขึ้นอย่างแนบเนียน ทั้งตัวอักษร สีสัน และตราประทับเลียนแบบต้นฉบับแทบแยกไม่ออก แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าป้ายทะเบียนและแผ่นป้ายภาษี ไม่มีตำหนิสำคัญตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ตรวจสอบกับหมายเลขตัวถัง ที่ปรากฎบนตัวรถพบว่าไม่ตรงกับเอกสารของกลางดังกล่าวข้างต้น

เมื่อขอตรวจสอบเอกสารการครอบครอง น.ส.รอบียะห์ฯ แจ้งว่าไม่มีอ้างว่าได้ซื้อรถมาจากเพจหลุดจำนำในเฟซบุ๊กในราคา 70,000 บาท จึงเชื่อได้ว่าเป็นเอกสารที่ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับ จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าเขาต้องถูกจับในข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” และแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาตามกฎหมายให้ผู้ถูกจับทราบและเข้าใจดีแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัวผู้ถูกจับมาทำบันทึกการจับกุม ต่อมาจึงได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

