ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ได้สั่งการให้ พันตำรวจเอก บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม (ผกก.3 บก.ป.),พันตำรวจโท วิวัฒน์ จิตโสภากุล รองผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม (รอง ผกก.3 บก.ป.),พันตำรวจโท สุริยศักดิ์ จิราวัสน์,พันตำรวจโท นพรัตน์ คำมาก,พันตำรวจโท ภูมิทัศ ปิติจิระนน, พันตำรวจโท เอนก บุญตา สารวัตรกองกำกับการ 3 กองปราบปราม (สว.กก.3 บก.ป.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองกำกับการ 3 กองปราบปราม (กก.3 บก.ป.) ร่วมกันจับกุมตัว นายสุรชัย หรือหรั่ง หรือรัก เทวรัตน์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม. 2 ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 315/2561 ลงวันที่ 25 พ.ย.61โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ กระท่อมสวนยางพาราแห่งหนึ่ง ม.9 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงเวลา 17.00 น.ของวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา
สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 22 พ.ย. 2561 ที่ผ่านมา นายสุรชัย ผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุใช้กำลังและใช้ถังแก๊ส ทุบตีทำร้ายร่างกาย น.ส.แววดาว ภูวงศ์ อายุ 23 ปี ชาว จ.ขอนแก่น แฟนสาว ก่อนใช้สายยางถังแก๊สรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต ก่อนจะเขียนจดหมายฝากคำขอโทษวางไว้หน้าอกผู้ตาย แล้วหลบหนีไป โดยจากแนวทางสืบสวนทราบว่า ชนวนเหตุมาจากปมความหึงหวง เนื่องจากผู้ตายเป็นพนักงานร้านเมืองแก้วคาราโอเกะ มักมีชายหนุ่มมาติดพันหลายคนจนทำให้มักมีมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงหลายครั้ง โดยเหตุเกิดภายในห้องพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ท้องที่ความรับผิดชอบ สภ.จอหอ กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ป. ได้สืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุนายสุรชัย ได้หลบหนีมากบดานซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมสวนยางของญาติ ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสำหรับประวัติของนายสุรชัย นั้นในอดีตพบว่า เคยเป็นลูกน้องคนสนิท หรือ มือขวา ของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ในช่วงเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง เมื่อครั้งเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองปี 2553 และมักจะอยู่ติดกับ เสธ.แดง ตลอดเวลา โดยช่วงที่ เสธ.แดงถูกยิงเสียชีวิตนายสุรชัยยังเป็นคนอุ้มร่าง เสธ.แดงไปส่งโรงพยาบาลอีกด้วย ที่ผ่านมาเคยก่อคดีก่อการร้าย และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคดีอาญามากมายหลายคดี ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เนื่องจากมีนิสัยก้าวร้าว หัวรุนแรง และมักใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้อื่นอยู่เป็นประจำ ซึ่งคดีส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งเมื่อเสธ.แดงเสียชีวิต นายสุรชัย ได้หลบหนีไปซ่อนตัวตามพื้นที่ต่างจังหวัด และด้วยความที่มีนิสัยเจ้าชู้จึงมีภรรยาหลายคน โดยจะทำทีเข้าไปตีสนิทหญิงสาวในเชิงชู้สาวผ่านทางสื่อโซเชียล เพื่อหลอกเอาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวันขณะหลบหนี หากไม่มีเงินให้นายสุรชัยก็จะใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ก่อนจะตีจากไปหาหญิงสาวรายอื่น
ทั้งนี้สำหรับประวัติการก่อคดีของนายสุรชัย จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อปี 2552 ได้ก่อคดี ทำร้ายผู้อื่นและบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ ตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง สภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งถัดมาในปี พ.ศ.2553 นายสุรชัย ได้ก่อเหตุใช้ปืน เอ็ม 79 ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี บริเวณแยกศาลาแดง ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตจำนวน 2 นาย จากเหตุความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อปี 2553 จนถูกออกหมายจับโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามหมายจับศาลอาญา จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย คดี “ก่อการร้าย และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” กับ คดี “ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีและใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง กระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสและมีผู้ถึงแก่ความตาย” ซึ่งทั้ง 2 คดีนี้อยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งถัดมาในปี 2560 นายสุรชัย ยังได้หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาในคดีพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา อีกด้วย ก่อนจะมาก่อเหตุล่าสุดดังกล่าว
จากการสอบสวน นายสรุชัย ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ตนกำลังหลบหนีคดีตามหมายจับค้างเก่าอยู่นั้นได้มาพบเจอกับ น.ส.แววดาว ซึ่งทำงานเป็นพนักงานร้านคาราโอเกะ ก่อนจะคบหาและอยู่กินกันแบบสามีภรรยามาได้ประมาณ 6 เดือน กระทั่งช่วงหลังตนจับได้ว่า น.ส.แววดาว มีชายหนุ่มมาติดพันและพยายามตีตัวออกห่างจากตน ด้วยความหึงหวงจึงทำให้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงขึ้น ก่อนที่ตนจะบันดาลโทสะพลั้งมือก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหลังจากก่อเหตุตนก็สำนึกผิดต่อสิ่งที่ทำและได้เขียนข้อความข้อโทษลงบนกระดานฟิวเจอร์บอร์ดแล้วนำไปวางไว้บนหน้าอกของ น.ส.แววดาว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.จอหอ รับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง