ตั้งปุจฉาอยู่ในใจมาหลายวันว่าปกติเมื่อบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) – ผู้บังคับการ (ผบก.) ผ่านความเห็นชอบคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) หรือบอร์ดกลั่นกรอง ที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. เป็นประธาน เรียบร้อยแล้วจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ภายในวันนั้นหรือวันถัดไป

พยายามที่จะมองในแง่ดีว่าอาจเป็นเพราะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นั่งรักษาการนายกฯ อาจจะมีภารกิจเยอะ ทั้งงานกระทรวงและดูปัญหาพิพาทไทยกับกัมพูชาที่คุกรุ่นอยู่ อาจจะไม่มีเวลาว่างพอที่จะนัดประชุม ก.ตร.
จึงทำให้โผโยกย้ายที่ทำเสร็จแล้วตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม ถูกลากยาวนำเข้าที่ประชุม ก.ตร. ในวันที่ 28 สิงหาคม แต่มาถึงบางอ้อจากที่เคยมองว่านายภูมิธรรมอาจจะไม่นัดประชุม ก.ตร.นั้น พออนุมานได้ว่าไม่ใช่ความจริง เพราะถ้าจับบรรยากาศก่อนการประชุม ก.ตร. ในวันที่ 28 สิงหาคม จะพบว่าเมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง ได้หารือส่วนตัวกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กว่าสองชั่วโมง จากนั้นเวลา 17.00 น. นายภูมิธรรมนั่งเป็นประธานประชุม ก.ตร. พิจารณาวาระต่างๆ 3–4 วาระ พอถึงวาระพิจารณาแต่งตั้ง นายภูมิธรรมแสดงอำนาจสั่งปิดประชุมอย่างกะทันหัน สร้างความงุนงงให้กับ ก.ตร. เป็นอย่างมาก ก.ตร. บางคนมองว่านายภูมิธรรมใช้อำนาจแบบไม่สนใจ เสมือนไม่ให้เกียรติผู้ร่วมประชุม
ก่อนปิดประชุมนายภูมิธรรมนำข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการแต่งตั้งของ พล.ต.ท.นพ.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. แจ้งต่อที่ประชุมว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง และสั่งการให้ฝ่ายเลขานุการ ก.ตร. ไปตรวจสอบก่อนและนัดประชุมใหม่อีกครั้ง แต่คงลากยาวเพราะ น.ส.แพทองธาร กระเด็นตกเก้าอี้ทำให้คณะรัฐมนตรีสิ้นสภาพยกชุด
เมื่อวิเคราะห์ถึงเหตุที่ถูกตีตก คงเป็นเพราะโผที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองไม่เป็นที่พึงใจของผู้มีอำนาจคุมฝ่ายเมือง เนื่องจาก ผบ.ตร. ไม่สนองตอบความต้องการที่ผู้กุมอำนาจฝ่ายเมืองต้องการทดแทนบุญคุณนายตำรวจที่คอยอำนวยสะดวกให้กินอิ่มนอนอุ่นได้
จากนั้นเกมยื้อประชุม ก.ตร. บังเกิดมาพร้อมกระแสข่าวสะพัดว่าฝ่ายเมืองเรียก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เข้าพบเพื่อให้เปลี่ยนโผการแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ปฏิเสธและเลี่ยงที่จะเข้าพบ
เมื่อดูจากไทม์ไลน์ของสถานการณ์ก่อนถึงการประชุม ก.ตร. พอวิเคราะห์ได้ว่าฝ่ายการเมืองวางเกมให้การแต่งตั้งสะดุดก่อนถึงวันที่ 28 สิงหาคม ด้วยการปล่อยข่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ แต่งตั้งเพื่อนร่วมรุ่นนั่งตำแหน่งทำเลทอง แต่ตั้งตำรวจใกล้ชิดที่ไม่มีผลงานขยับติดยศนายพล
กระทั่งเกิดปรากฏการณ์ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ร่อนหนังสือถึงนายภูมิธรรมว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง ซึ่งนายภูมิธรรมออกมารับลูกว่าได้รับหนังสือจริง จะให้ฝ่ายเกี่ยวข้องพิจารณา
ต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เข้าพบนายภูมิธรรมที่กระทรวงมหาดไทย หลังเข้าพบให้สัมภาษณ์ว่ามารายงานความคืบหน้าคดีสมีอลงกต และพ่วงท้ายสัมภาษณ์ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง ตำรวจที่มีผลงานไม่มีชื่ออยู่ในโผ
ปรากฏการณ์นี้ไม่แน่ใจว่าอยู่ในสมการทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายสะดุดหรือไม่ เพราะหลังจากนายภูมิธรรมสั่งยกเลิกการประชุมแบบกะทันหัน วันถัดมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่าที่ร้องขอความเป็นธรรม เพียงแค่กระตุกเตือนให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาผู้มีสิทธิ์เลื่อนตำแหน่งอย่างเป็นธรรม และตนคงไม่ได้เลื่อนยศเป็น พล.ต.ท. ในปีนี้
ถ้าความเคลื่อนไหวของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ อยู่ในสมการนี้ ถือว่าฝ่ายการเมืองเลือกหมากเดินได้ถูกต้อง เพราะถ้า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ขยับ สื่อโซเชียลและกระแสสังคมจะขานรับ เพราะเชื่อมั่นในผลงาน เข้าทำนองใช้กระแสสังคมกดดันเขย่าโผ
อีกฉากทัศน์หนึ่งที่ไม่น่ามองข้าม เมื่อนายภูมิธรรมนำทีมฝ่ายปกครองบุกจับบ่อนดังย่านดอนเมือง ก่อนประชุม ก.ตร. เพียง 1 วัน บ่อนแห่งนี้ถูกจับมาแล้ว 20 ครั้งในรอบ 5 ปี ซึ่งนายภูมิธรรมยืนยันว่าการจับกุมไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะเป็นเรื่องนโยบาย
คำสัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม จะจริงเท็จประการใดสุดจะคาดเดา แต่พลันที่นายภูมิธรรมสั่งเลื่อนวาระการแต่งตั้งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ช่วงดึกวันที่ 29 สิงหาคม สมาชิกพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความว่า “บ่อนพ่นพิษ ผบ.ตร.ถูกเรียกเข้าทำเนียบช่วยราชการ” จนสื่อหลายสำนักเสนอว่าลือสะพัด ผบ.ตร. ถูกสั่งให้ช่วยราชการทำเนียบ แต่มิได้สร้างความหวั่นไหวให้กับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เพราะยังเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักปทุมวันตามปกติ
ถ้ามองตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพอประเมินได้ว่าการจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังคงยืนหยัดในหลักเกณฑ์ของกฎหมายตำรวจและ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งตำรวจอย่างมั่นคงเหมือนปีที่ผ่านมา แม้จะมีคนในองค์กรพยายามจะดึงเข้าสู่วงจรอุบาทว์เหมือนอดีตที่ผ่านมาด้วยกรุยทางให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาล้วงลูกจัดโผตามที่ต้องการก็ตาม
แต่นับจากนี้ไปเชื่อว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้คงไม่เกิดซ้ำรอยเดิม เพราะการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร. – ผบก. คงถูกลากยาวเพื่อรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการ!!!


