“ลิณธิภรณ์” เผย คอร์สวิชาชีพ สกร. สร้างรายได้ผู้อบรมแล้ว 1.4 ล้าน ตั้งเป้าดัน 1 จังหวัด 1 หลักสูตร

735

กรุงเทพฯ, วันที่ 27 ส.ค. – ดร.หญิง ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเปิดตัวนโยบายยกระดับคุณภาพหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น ซึ่งจะได้รับการรับของคุณวุฒิวิชาชีพจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแลด้านการศึกษา) และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาร่วมเปิดงาน พร้อมมอบนโยบายให้กับกรมส่งเสริมการเรียนรู้

ในงานนี้จะเปิดตัวความก้าวหน้าในการยกระดับหลักสูตรระยะสั้นด้านอาชีพ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ อันเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สามารถใช้ยืนยันสมรรถนะของตนเอง และเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและสากล

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า สกร. ได้จัดทำหลักสูตรระยะสั้นด้านอาชีพนำร่องจำนวน 14 หลักสูตร ผ่านการรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพแล้ว 13 หลักสูตร และอีก 1 หลักสูตรอยู่ระหว่างปรับปรุง นับเป็นก้าวสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้กับความต้องการแรงงานในพื้นที่ ส่งเสริมให้ผู้เรียนประกอบอาชีพอิสระ หรือสร้างธุรกิจส่วนตัวได้ ทำให้ผู้เรียนมั่นใจได้ว่า เรียนแล้วทำงานได้จริง

นอกจากนี้ยังมีผลลัพธ์ที่จับต้องได้ โดยเพียง 1 ปี มีประชาชนมาเรียนหลักสูตรระยะสั้นกว่า 700 คนใน 14 หลักสูตร สามารถสร้างรายได้ให้ตนเองรวมกว่า 1,400,000 บาทต่อปี แสดงให้เห็นว่าหลักสูตร สกร. ไม่ใช่เพียงการเรียนรู้เพื่อความรู้เท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้ที่นำไปสู่การสร้างโอกาส และรายได้ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ น.ส.ลิณธิภรณ์ ประกาศตั้งเป้าหมายผลักดันให้ “1 จังหวัด 1 หลักสูตร” รวมแล้วกว่า 77 หลักสูตรทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้เข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน พร้อมสร้างเส้นทางเชื่อมโยงต่อยอดไปสู่การขอรับรองคุณวุฒิวิชาชีพในระดับสูงขึ้น และสามารถสะสมหน่วยกิตเพื่อต่อการศึกษาสายอาชีพ เสริมสมรรถนะอาชีพที่สูงขึ้นต่อไปได้

“ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดิฉันนับหนึ่งตั้งแค่วันแรกจนถึงวันนี้ เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ในการเปลี่ยน สกร. ให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เพื่อชีวิตจริง ตามแนวคิด Learn to Earn เรียนแล้วต้องสร้างรายได้ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบการเรียนรู้ และการผลิตกำลังคนของประเทศ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อไทยที่มีหัวใจคือประชาชนเสมอมา” รมช.ศธ. กล่าว