“จากผลไม้แปลกตาที่เคยเห็นเพียงในห่อของฝาก กลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังสร้างโอกาสให้เกษตรกรไทยอย่างแท้จริง และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือ “คุณณุ” เจ้าของ 1,000 พฤกษาฟาร์ม ผู้บุกเบิกการปลูกอินทผาลัมเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย“
จุดเริ่มต้น: คำถามที่เปลี่ยนชีวิต
คุณณุเล่าว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากความสงสัยว่า ทำไมบ้านเราถึงไม่มีสวนอินทผาลัม ทั้งที่ผลไม้นี้เป็นที่นิยมในตลาดอาเซียนและมีการนำเข้าจำนวนมหาศาลจากประเทศอาหรับ ในถิ่นกำเนิดอินทผาลัมมีราคาถูกมาก เพียงกิโลกรัมละ 40-50 บาท แต่เมื่อมาถึงเมืองไทย ราคากลับพุ่งสูงถึง 100-200 บาท เนื่องจากต้องขนส่งทางอากาศ
“ตอนนั้นผมคิดเลยว่า ถ้าเราปลูกเองได้ก็น่าจะลดต้นทุนและทำให้ราคาสมเหตุสมผล” คุณณุเล่าย้อนถึงแรงบันดาลใจ
จากผลไม้ไฮโซ สู่ราคาสากล
ในยุคแรก อินทผาลัมที่ปลูกในไทยมีราคาสูง เพราะเทียบเท่าราคานำเข้า ทำให้ถูกมองว่าเป็นผลไม้สำหรับคนมีฐานะ แต่แท้จริงแล้ว ราคาสากลของอินทผาลัมต้องใกล้เคียงกับตลาดอาหรับ เพื่อจะส่งออกได้
ปัจจุบันอินทผาลัมถูกปลูกในไทยมากขึ้น ทำให้ราคาลดลงมาอยู่ที่ 40-50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคามาตรฐานสากล แม้เกษตรกรบางคนมองว่าราคาตก แต่จริงๆ แล้วนี่คือราคาที่ทำให้ส่งออกได้เต็มที่ “ปีนี้เราเห็นชัดมาก เวียดนาม มาเลเซีย สั่งซื้อตรงทีละสิบตัน และเมื่อจีนเปิดนำเข้า ความต้องการจะยิ่งเพิ่มจนผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ”
ข้อได้เปรียบของไทย
แม้มาเลเซียและอินโดนีเซียจะพยายามปลูกอินทผาลัม แต่สภาพภูมิอากาศที่ชื้นเกินไปทำให้ต้นออกใบแต่ไม่ออกดอก ขณะที่ไทย โดยเฉพาะตั้งแต่ราชบุรีขึ้นไปถึงภาคเหนือ มีสภาพเหมาะสม ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ
ฝากถึงเกษตรกร: ลดต้นทุนเพื่ออนาคต
คุณณุ ย้ำว่า เกษตรกรต้องทำความเข้าใจว่าราคาปัจจุบันคือราคาที่แข่งขันได้ในตลาดโลก ประเทศอาหรับบางแห่งขายต่ำกว่าไทยอีก เพียง 25-30 บาทต่อกิโลกรัม แต่เขามีเทคโนโลยีช่วยลดต้นทุน “ถ้าเราอยากอยู่รอดและส่งออกได้ เราต้องลดต้นทุนการผลิตให้มากที่สุด”
ครบวงจรที่ 1,000 พฤกษาฟาร์ม
ไม่เพียงแค่ปลูกผลสด 1,000 พฤกษาฟาร์มยังสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการแปรรูป ทั้งไซรัปและน้ำอินทผาลัม เพื่อขยายตลาดและรองรับผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม
“อินทผาลัมไม่ใช่แค่ผลไม้ต่างแดนอีกต่อไป แต่เป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังสร้างโอกาสให้ไทยก้าวสู่ตลาดโลก”
