“ภูมิธรรม” นั่งประธานประชุมแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับ รอง ผบ.ตร. ถึง ผบก. วาระประจำปี 2568 พฤหัสฯ ที่ 28 ส.ค.นี้ บ่าย 3 โมง

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) วาระดังนี้
ระเบียบวาระการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 7/2568 ในวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.
วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 6/2568
วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ
เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.กตร. สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน
เรื่องที่ 2 รายงานผลตามมติ ก.ตร. ครั้งที่ 5/2568
เรื่องที่ 3 ขอสำเนารายงานการประชุม ก.ตร.
วาระที่ 4 เรื่องที่เสนอเพื่อพิจารณา
เรื่องที่ 1 การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
เรื่องที่ 2 การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ
เรื่องที่ 3 การเลื่อนเงินเดือนหรือให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษ ประจำปี 2568 ครั้งที่ 1 ครึ่งปีแรก (1 เม.ย. 68) กรณีพิเศษ (นอกเหนือโควตาปกติ) ในโควตา กอ.รมน. ให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนในระดับ ส.6 ขึ้นไป
วาระที่ 5 เรื่องอื่น ๆ
สำหรับวาระที่ 4 การแต่งตั้ง มีตำแหน่งว่าง รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง ผบช. 16 ตำแหน่ง รองผบช. 40 ตำแหน่ง และผบก. 71 ตำแหน่ง และจะมีการแต่งตั้งโยกสลับในระดับระนาบอีกจำนวนหนึ่ง
สำหรับรายชื่อผู้ที่จะได้รับการพิจารณาในตำแหน่งที่สูงขึ้น ตำแหน่งที่คาดว่าในการแต่งตั้งโยกย้าย ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) – ผู้บังคับการ (ผบก.) ต้องเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม ตามที่กฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ 2567 บัญญัติไว้
ในส่วนบัญชีผู้เหมาะสมได้รับการแต่งตั้งฯ ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) หรือบอร์ดกลั่นกรองฯ ที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. เป็นประธานเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ 2565 และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ 2567 บังคับใช้มากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งผลการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.) ขยับเป็น ผบช. และรอง ผบก. ขยับเป็น ผบก. กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ทั้งในแวดวงสีกากี ประชาชน และสื่อมวลชน ว่าทำไมตำรวจที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ไม่ได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง พร้อมตั้งคำถามถึงผู้เกี่ยวข้องว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เกรงว่าตำรวจที่ตั้งใจทำงานจะเสียขวัญ ฉะนั้น ก.ตร. ว่าต้องยึดกฎหมายและกฎ ก.ตร. เป็นหลัก เนื้อหาเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายไว้ค่อนข้างรัดกุม ทั้งบทลงโทษผู้เกี่ยวข้อง และเปิดช่องให้ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมร้องผ่านคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้ ตามมาตรา 87 บัญญัติว่า ข้าราชการตำรวจผู้ใดเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเรียงลำดับอาวุโสหรือในการแต่งตั้ง มีสิทธิร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รับทราบคำสั่ง และให้ ก.พ.ค.ตร. พิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องทุกข์
คำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ให้เป็นที่สิ้นสุด เว้นแต่กรณีผู้ร้องทุกข์ไม่พอใจผลการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร. มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร.
นอกจากนี้ ในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้ง ข้อที่ 26 ระบุว่า ตามมาตรา 82 แห่ง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ 2565 บัญญัติให้การพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาจากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรได้รับการเลือกตำแหน่งสูงขึ้นเท่านั้น โดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ เพื่อให้ผู้มีอำนาจได้มีข้อมูลสำหรับประกอบการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น และให้ผู้มีอำนาจได้พิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งโดยเที่ยงธรรมและเป็นไปตามบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว จึงให้ผู้บังคับบัญชาที่อยู่ใกล้ชิดเป็นผู้จัดทำข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นแล้วเสนอตามลำดับชั้น
การจัดทำบัญชีตามข้อ 26 แบ่งเป็น 2 บัญชี คือ ให้จัดทำข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น และบัญชีผู้ไม่สมควรที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น และระบุอีกว่า สำหรับบัญชีผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น คณะกรรมการจัดทำข้อมูลต้องตรวจสอบคุณสมบัติ ความเหมาะสม และเรียงลำดับความรู้ความสามารถตามความเป็นจริง หากจัดทำข้อมูลไม่ตรงตามความเป็นจริง ให้ถือเป็นความบกพร่องของคณะกรรมการหรือผู้บังคับบัญชานั้นด้วย


