ที่อาคารรัฐสภา – นายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วุฒิสภา เปิดเผยว่า พบตัวเลขบางอย่างของงบประมาณมีความน่าสงสัย เช่น งบประมาณของกรมฝนหลวง พบว่า งบประมาณที่ได้รับปีต่อปีที่ผ่านมาไม่สามารถสำแดงได้ว่าการปล่อยโซเดียมคลอไรด์ จุดตั้งต้นของการทำฝน การยิงสารให้เกิดฝนกับจุดที่เกิดฝน จุดที่ฝนตกและปริมาณฝนที่ตกลงมากับพื้นที่ มีความสอดคล้องกันหรือไม่ ซึ่งไม่สามารถส่งรายงานนี้มาได้ และตนยังยืนยันว่างบประมาณของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในส่วนการว่าจ้างทนายความหลักร้อยล้านบาท เพื่อฟ้องร้องผู้ที่เป็นหนี้ มีเหตุผลมากน้อยเพียงใด
นายอลงกต กล่าวว่า ตนอยากถามความเห็นสื่อมวลชนและประชาชนว่าหากงบประมาณเปรียบเป็นปลา 1,000 ตัว มีปลาเน่า 20 ตัว อยากให้วุฒิสภารับหรือไม่รับ แต่หากเอาตามหลักการก็ถือเป็นส่วนน้อย ซึ่งตนอยากฟังเสียงประชาชน ส่วนงบประมาณที่จัดสรรให้องค์การมหาชนทั้งหมด พบว่ามีประมาณเกินครึ่งที่ลักษณะงานซ้ำซ้อนกับระบบราชการเยอะมาก งบประมาณเกือบหมื่นล้านบาท ซึ่งตนเห็นว่าองค์การมหาชนบางองค์การยังจำเป็นเช่น องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ขณะที่งบประมาณกองทุนหมุนเวียนทั้งหมด ประมาณแสนล้านบาท หากงบประมาณเหลือจะไม่มีการส่งคืน โดยจะถูกเก็บในกองทุนไว้เลย นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของงบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการทำคดีถึงขั้นส่งฟ้อง เมื่อนำจำนวนคดีมาเทียบกัน โดยหารงบประมาณที่ได้รับ พบว่า ดีเอสไอ ใช้งบประมาณคดีละ 11,000 บาท แต่ ตร. ใช้งบประมาณคดีละ 387 บาท มีความคุ้มค่าเหมือนหรือต่างกันไม่ ซึ่งประเด็นทั้งหมดนี้ วุฒิสภามีข้อสังเกตอย่างแน่นอน
นายอลงกต กล่าวด้วยว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ของวุฒิสภา เดิมทีจะประชุมวันจันทร์และวันอังคารหน้า แต่ปีนี้มีมิติใหม่ โดยการพิจารณาตามหมวดยุทธศาสตร์ เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ภัยพิบัติ จึงใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจจะมีความเห็นของประชาชนส่งกันมา ทั้งนี้ พบปัญหา 20 กว่าหน่วยรับงบประมาณ เกือบ 3 หมื่นล้านบาท
นายอลงกต กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ส่วนตัวต้องฝากให้พิจารณาว่าภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ควรอนุมัติงบประมาณเร็วใช่หรือไม่ แต่มันมีตัวที่เป็นปัญหาตามที่กล่าว ประชาชนเห็นอย่างไร แม้ส่วนตัวจะอยากให้ผ่าน แต่ก็อยากฟังเสียงประชาชนด้วย
ด้านนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยืนยันว่า วุฒิสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ในวันที่ 1-2 กันยายน นี้ โดยไม่มีการขวางหรือโหวตคว่ำ ซึ่งแนวทางการพิจารณางบประมาณของวุฒิสภาแตกต่างจากสภาผู้แทนราษฎร ที่พิจารณาเรียงตามมาตรา แต่ในส่วนของวุฒิสภา แบ่งออกเป็น 4 หมวด คือ ภัยด้านเศรษฐกิจ ภัยด้านความมั่นคง ภัยธรรมชาติ และภัยสังคม ซึ่งวุฒิสภาพิจารณาค่อนข้างละเอียด และพยายามพิจารณาตามกรอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 143 คือ วุฒิสภาจะต้องพิจารณาตามกรอบไม่เกิน 20 วัน หากเป็นไปได้ก็อยากให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ก็ต้องรอมติวิปวุฒิสภาที่จะชุมในวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค. 68)
นายพิสิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า งบประมาณหลายส่วน พบความบกพร่อง เช่น กรมชลประทาน ที่มีการจัดสรรงบประมาณ 70,000-80,000 ล้านบาท สำหรับขุดลอกคูคลอง มีการขอมาทุกปี แต่กลับยังพบปัญหาน้ำแล้ง ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งเห็นได้ชัดว่างบประมาณส่วนนี้ไม่ได้สะท้อนการแก้ปัญหาที่แท้จริง แต่ในทางกลับกัน มุมมองส่วนตัว แม้งบประมาณยังไม่ตอบโจทย์ แต่ก็ต้องการให้ผ่านการพิจารณา เพราะหากงบประมาณไม่ผ่านจะทำให้ประเทศหยุดชะงักได้
