พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงผลการดำเนิน เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการความร่วมมือกับ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายสายชล (สงวนนามสกุล) และ น.ส.ดวงพร (สงวนนามสกุล) พร้อมไอซ์ 40 กก. และคีตามีน 100 กก. ซุกซ่อนในรถยนต์กระบะที่ดัดแปลงเป็นช่องลับ ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน หรือเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ” และ “ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน เหตุเกิดที่ ด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ ม.4 ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สืบสวนติดตามพฤติการณ์ขบวนการลำเลียงยาเสพติดที่ใช้รถยนต์กระบะทำช่องลับสำหรับซุกซ่อนยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนด้าน จ.เชียงราย ก่อนจะลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยก่อนหน้านี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติดได้จำนวนหลายคดี โดยในวันที่ 10 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยว่าทำช่องลับในการซุกซ่อนยาเสพติด สวมทะเบียนปลอม ใช้เส้นทางผ่านด่าน จาก จ.เชียงราย ไปตามเส้นทางมุ่งหน้า จ.แพร่ ตนจึงได้สั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สั่งการชุดปฏิบัติการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบสวนติดตามรถยนต์คันดังกล่าว

ต่อมาชุดปฏิบัติการได้ประสานด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ จ.แพร่ ตรวจสอบรถยนต์กระบะต้องสงสัย พบนายสายชล (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ขับขี่ โดยมี น.ส.ดวงพร (สงวนนามสกุล) นั่งโดยสารมาด้วย จากการตรวจค้นรถยนต์ พบไอซ์ 40 กก. และคีตามีน 100 กก. ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวกระบะรถยนต์ที่ดัดแปลงเป็นช่องลับ จึงทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายการค้ายาเสพติด และรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ถึงระดับนายทุนผู้สั่งการ เพื่อขยายผลยึดทรัพย์สินเครือข่ายนี้ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

