ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเวลา 15.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน และ สส. รวม 121 คน ผู้ร้อง ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ที่นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง มีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

และในกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง มีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใด ๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติว่า นายพิเชษฐ์ กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม เนื่องจากมีพยานหลักฐานว่าทั้ง 3 โครงการในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ที่ จ.เชียงราย มาจากการดำริของนายพิเชษฐ์ และกลุ่มงานรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นผู้ริเริ่ม โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ซึ่งมีรูปแบบต่อเนื่องจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 อันเข้าข่ายเป็นการกระทำใด ๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (11) โดยให้สิ้นสุดสมาชิกสภาพ สส. ตั้งแต่วันนี้ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ทำให้ต้องเลือกตั้งแบบแบ่งเขตใน 45 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง

