รัฐสภา วันที่ 17 กรกฎาคม สมชาติ เตชถาวรเจริญ สส.ภูเก็ต เขต 1 พรรคประชาชน ตั้งกระทู้สดตั้งคำถามต่อ สรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ถึงกรณีปัญหาโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ว่า จากความไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยจากแก๊งค้ามนุษย์ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยลดลงเหลือไม่ถึงครึ่ง ก.ท่องเที่ยวและกีฬาจึงจัดสรรงบประมาณจำนวน 1,750 ล้านบาทจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมาดำเนินการโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จนถึงวันนี้ผ่านมา 16 วัน มีการใช้สิทธิ์ห้องพักไปแล้ว 158,383 สิทธิ์ เฉลี่ยตกวันละไม่ถึง 10,000 สิทธิ์ซึ่งต่ำกว่าที่คาด
สมชาติกล่าวว่า เป็นเพราะรัฐบาลทำงานไม่เป็น โครงการนี้คล้ายคลึงกับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่รัฐบาลกลับเลือกพัฒนาแอปฯ ใหม่ และเมื่อเปิดตัวโครงการ วันที่ 1 ก.ค. ทั้งประชาชนผู้ใช้สิทธิ์และผู้ประกอบการ ต้องเจอปัญหามากมาย เช่น มีขั้นตอนการลงทะเบียนเยอะและยุ่งยาก เว็บไซต์ล่ม ประชาชนไม่ได้รับรหัส OTP ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้ แอปฯ ค้างบ่อย เพราะเชื่อมโยงกับระบบ ThaiD ของกรมการปกครอง ซึ่งไม่รองรับปริมาณคนที่ใช้พร้อมกันคราวละมาก ๆ ทำให้ประชาชนหลายคน ล้มเลิกความตั้งใจในการเข้าร่วมโครงการ และเมื่อโรงแรมทำการจองผิดพลาด ผู้จองไม่ได้โอนชำระเงิน แต่ระบบกลับไม่คืนสิทธิ์ให้ไปจองใหม่อีกครั้ง การอนุมัติผู้ประกอบการเข้าระบบและการอนุมัติแก้ไขราคาเป็นไปอย่างล่าช้า
สส.ภูเก็ตกล่าวว่า รัฐบาลขาดความรู้ความเข้าใจตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างสิ้นเชิง ช่วงที่มีนักท่องเที่ยวไทยเข้าพักโรงแรมจำนวนมาก ปกติแล้วคือคืนวันศุกร์และวันเสาร์ ซึ่งรัฐบาลต้องไปเร่งกระตุ้นการเข้าพักในคืนวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี แต่รัฐบาลกลับไปเร่งกระตุ้นการเข้าพักในคืนวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ขระเดียวกันก็ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการตั้งราคาขายของโรงแรม เพราะปัจจุบันการตั้งราคาขายเป็นแบบขั้นบันไดตามอัตราการเข้าพัก แต่แอปฯ ของโครงการบังคับให้โรงแรมล็อกราคาไว้คงที่ทำให้เกิดการร้องเรียนจากประชาชนว่าราคาขายห้องพักในโครงการ สูงกว่าในแอปฯ จองห้องพักอื่นๆ

สมชาติ กล่าวว่า แอปฯ ยังมีความผิดพลาด อนุญาตให้จองห้องพักครั้งละ 2-3 ห้องในคืนเดียวกันได้ ทั้งที่เงื่อนไขโครงการไม่อนุญาตให้จองเกินหนึ่งห้องในคืนเดียวกัน จนทำให้ประชาชนถูกยกเลิกการจองห้องพักในเวลาต่อมา เป็นการสร้างความสับสนแก่ประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการโรงแรม ไม่รู้ว่าจะได้เงินจากรัฐครบถ้วนหรือไม่ในกรณีที่ลูกค้าเช็คเอาท์จากโรงแรมแล้ว
สส.พรรคประชาชน ตั้งคำถามต่อรัฐมนตรีว่า ในปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลขยันทำแอปฯ มาก ของบประมาณทำแอปฯ ใหม่มากกว่า 4,200 ล้านบาท เหตุใดรัฐบาลจึงไม่ใช้ธนาคารกรุงไทยทำโครงการนี้ เพราะมีแอปฯ ที่ประชาชนและผู้ประกอบการต่างเคยติดตั้งอยู่แล้ว คือแอปฯ เป๋าตังและถุงเงิน รัฐบาลจะได้ประหยัดงบประมาณด้วย ตนได้เข้าค้นข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างทำแอปฯ ของโครงการนี้ในเว็บไซต์ www.tat.or.th/procerement รวมถึงเว็บกระทรวงการท่องเที่ยวฯ แต่ไม่พบการจัดซื้อจัดจ้างโครงการนี้ เป็นเพราะเว็บไซต์ไม่ได้อัปเดต หรือเพราะใช้ชื่อโครงการอื่น หรือใช้หน่วยงานภาครัฐอื่นเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้าง หรือให้ผู้รับจ้างทำงานไปก่อนแล้วค่อยไปดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างย้อนหลังหรือไม่ และขอทราบว่างบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างทำแอปฯ ในโครงการนี้ใช้เงินทั้งสิ้นกี่บาท
สมชาติ ตั้งคำถามว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ รวมถึงหน่วยงานภายใต้การกำกับ มีการสร้างแอปฯ ไปแล้วจำนวนเท่าไร รวมเป็นเงินกี่บาท ใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ มีผู้ใช้งานมากแค่ไหน และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายกรณีแอปฯ ทำงานผิดพลาด หวังว่ารัฐมนตรีจะไม่โยนภาระความเสียหายให้ผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้สิทธิ์โดยสุจริตให้ต้องรับผิดชอบความผิดพลาดของพวกท่าน
นอกจากนี้มีการกำหนดวิธีชำระเงินของประชาชนโดยให้โอนผ่านแอปฯ ธนาคาร แล้วอัปโหลดสลิปโอนเงินเข้าไปในระบบ แต่ตนตรวจพบว่าเราสามารถอัปโหลดรูปภาพหรือกระทั่งไฟล์อะไรก็ได้เข้ามาแทนที่สลิปโดยระบบไม่มีการตรวจสอบ เป็นช่องว่างที่อาจทำให้เกิดการทุจริต จึงขอสอบถามถึงมาตรการป้องกันการทุจริตและหากเกิดการทุจริต ใครจะรับผิดชอบที่ไม่ปิดช่องโหว่ของระบบจนทำให้เกิดความเสียหาย และคำถามสุดท้าย แอปฯ นี้จะสามารถใช้งานได้อย่างมีความเสถียรเมื่อไร สามารถขยายขีดความสามารถของระบบ ThaiD ของกรมการปกครอง ให้รองรับผู้ใช้งานจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงเทศกาลได้อย่างเพียงพอหรือไม่อย่างไร

ด้าน รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวตอบกระทู้ว่า โครงการที่ผ่านมา ททท. ยังมีคดีค้างกับผู้ประกอบการและประชาชนในกรณีการทุจริตประมาณ 1,300 กว่าคดี รัฐบาลอยากให้เกิดฐานข้อมูลของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนไทย เพื่อสามารถวางแผนและยุทธศาสตร์ในการท่องเที่ยวในอนาคตอย่างยั่งยืน ส่วนที่ไม่ใช้ฐานข้อมูลจากธนาคารกรุงไทย เพราะปัจจุบันธนาคารกรุงไทยไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจการจะไปผูกพันกับธนาคารหนึ่งที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ อาจเป็นการปิดกั้นธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ทั้งนี้ตนไม่อยากให้ประชาชนต้องยืนยันตัวตนหรือเข้าระบบเลย แต่จากคดีที่ค้างอยู่ ทำให้หน่วยงานต้องป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดการทุจริต เป็นที่มาที่เราต้องลงทะเบียน
ความจริงโครงการนี้ต้องเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่มีความล่าช้าในการของงบประมาณ จึงต้องขออภัยในความไม่สะดวก ส่วนที่กล่าวว่ามีการจองสิทธิ์เข้าไปแล้วระบบปฏิเสธ ทำให้ประชาชนเสียสิทธิ์นั้น เรื่องนี้จะรับไปตรวจสอบ สำหรับงบประมาณในการจัดทำแอปฯ ที่ใส่มาในเอกสารคือ 10 ล้านบาท แต่ด้วยความล่าช้าของการอนุมัติ ททท. ซึ่งมีพันธมิตรอยู่แล้วและมีระบบที่จะทำโครงการนี้พอสมควร จึงทำเองก่อน และได้แจ้งทางสำนักงบประมาณว่าไม่ขอใช้งบ คืนงบ 10 ล้านบาทให้รัฐบาล

จากนั้นสมชาติกล่าวว่า รัฐมนตรียังตอบคำถามไม่ครบ เรื่องงบจัดซื้อจัดจ้างสรุปแล้วอยู่ที่ไหน สอดไส้อยู่ในโครงการอะไร ที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินไปแล้วเท่าไหร่ไปทำแอปฯ และถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จะเป็นรัฐมนตรีเองใช่หรือไม่ หรือจะโยนความรับผิดชอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ขอฝากให้รัฐบาลนำคำแนะนำที่ตนอภิปรายวันนี้ไปปรับปรุงระบบเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้รับความสะดวก ถ้าปรับปรุงไม่ทันในเฟสนี้ ให้เอาไปปรับปรุงโครงการในเฟสถัดไป
สรวงศ์กล่าวว่า งบประมาณแอปฯ นี้อยู่ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณอนุมัติเงินออกมา แต่ 10 ล้านบาทที่เราขอนั้น เราได้คืนรัฐบาลไปเพราะได้เงินมาไม่ทันการณ์กับการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่ได้จ้างคนที่มีประสบการณ์หรือเป็นเรื่องเป็นราว เป็นปัญหาที่เราต้องแก้ ซึ่งตอนนี้มั่นใจว่าประชาชนเข้าแอปฯ ต่างๆ ได้ตามปกติ ผู้ประกอบการก็เข้ามาเรื่อยๆ ปัจจุบันนี้ 6,000 กว่าราย ส่วนงบในการทำแอปฯ กระทรวงอื่นตนไม่แน่ใจ แต่กระทรวงท่องเที่ยวฯ ไม่ได้ใช้งบเยอะ และถ้ามีความเสียหายในโครงการนี้ ไม่มีทางที่ตนจะปฏิเสธความรับผิดชอบ

