เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 68 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ รองศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ไฟซาล อิบราฮิม (Associate Professor Muhammad Faishal Ibrahim) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการมุสลิม และรัฐมนตรีอาวุโสแห่งรัฐ ประจำกระทรวงมหาดไทย สาธารณรัฐสิงคโปร์ และคณะ ในโอกาสเดินทางมาศึกษาดูงานราชทัณฑ์ประเทศไทย ณ โรงแรมโนโวเทล สยาม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และคณะ ได้หารือร่วมกับ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการมุสลิม และรัฐมนตรีอาวุโสแห่งรัฐ ประจำกระทรวงมหาดไทย สาธารณรัฐสิงคโปร์ และคณะ โดยในเบื้องต้นทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีที่ได้พบกันภายหลังจากที่ได้หารือร่วมกันมาแล้วที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2567 รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แสดงความยินดีแก่รองศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ได้แก่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการมุสลิม ควบตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโสแห่งรัฐ ประจำกระทรวงมหาดไทย

ในการหารือดังกล่าว พันตำรวจเอก ทวี ได้ชื่นชมสิงคโปร์โมเดล ซึ่งมีความสอดคล้องกับนโยบายของไทย ที่ให้ความสำคัญกับการให้การศึกษาแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้สามารถกลับตนเป็นคนดี มีความรู้ มีทักษะเพียงพอที่จะประกอบอาชีพ และพัฒนาเป็นเครือข่ายที่มีความปลอดภัยในสังคม รวมถึงได้แลกเปลี่ยนแนวทางป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ เนื่องจากปัจจุบันยังมีผู้พ้นโทษมากกว่าร้อยละ 50 ที่มีการกระทำความผิดซ้ำ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่มีความท้าทาย และต้องเร่งแก้ไข ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่สิงคโปร์มาเยือน เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนางานราชทัณฑ์ต่อไป
นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ยังได้กล่าวขอบคุณสิงคโปร์ ที่ได้จัดให้คณะเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะผู้บัญชาการเรือนจำจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปศึกษาดูงานราชทัณฑ์ของสิงคโปร์ ภายใต้หัวข้อ “พหุวัฒนธรรมแห่งการฟื้นฟูไทย สิงคโปร์ : สู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงจากเรือนจำสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 14-17 กรกฎาคม 2568 โดยพบว่าหลายโครงการสามารถนำมาปรับใช้ในประเทศไทยได้เช่นกัน เช่น การทำงานร่วมกับชุมชนภายใต้โครงการ Yellow Ribbon ซึ่งจะช่วยออกแบบแนวทางการฟื้นฟูและการกลับคืนสู่สังคมของผู้ต้องราชทัณฑ์ที่สอดรับกับวัฒนธรรมเฉพาะของท้องถิ่นและสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปรับใช้ในบริบทพื้นที่และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระยะยาวด้านกระบวนการยุติธรรมและการพัฒนาสังคม ทั้งนี้ หากมีโอกาส ในอนาคต ขอเรียนเชิญคณะสิงคโปร์ไปเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อศึกษาบริบทพื้นที่ และร่วมกันพัฒนาชุมชนแห่งความสำเร็จ (Community of Success) ในประเทศไทย

ด้าน รองศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด กล่าวขอบคุณและแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง รวมทั้งได้ชื่นชม และแสดงความประทับใจต่อความทุ่มเทและตั้งใจจริงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนการมีส่วนร่วมสร้างสันติภาพ และส่งเสริมความสมานฉันท์ในสังคมไทย ซึ่งโดยส่วนตัว มีความดีใจที่เห็นรัฐมนตรีในภูมิภาคอาเซียนมีวิสัยทัศน์เช่นนี้ เนื่องจากงานราชทัณฑ์ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับสังคม โดยเฉพาะการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งหากทำสำเร็จจะช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรม ลดจำนวนผู้ต้องขัง และลดจำนวนผู้กระทำความผิดซ้ำได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญ คือ ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสิงคโปร์สามารถลดอัตราการกระทำความผิดซ้ำได้ และผู้พ้นโทษออกมามีการประกอบอาชีพ เสริมสร้างการพัฒนาสังคม ตลอดจนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งสิงคโปร์มีความยินดีที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความสำเร็จดังกล่าวให้กับไทย

สำหรับมิติการสร้างสังคมสมานฉันท์ สิงคโปร์ ยินดีแลกเปลี่ยนต้นแบบที่ดีในการดูแลชนกลุ่มน้อย โดยใช้ศาสนานำ และเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีศาสนา วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ที่หลากหลาย แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งในประเด็นนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แสดงความขอบคุณ โดยเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ยกระดับยุติธรรมชุมชนซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ ให้มีบทบาทมากกว่าการให้ความรู้และความช่วยเหลือทางกฎหมาย แต่อาจเพิ่มบทบาทในเชิงการเสริมสร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างหลากหลายภายใต้โมเดล Community of Success ของสิงคโปร์ ซึ่งหากทำสำเร็จจะช่วยให้ประเทศไทย รวมทั้งภูมิภาคมีความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมงานเลี้ยงรับรอง รองศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด และคณะ โดยคณะสิงคโปร์ มีกำหนดศึกษาดูงานราชทัณฑ์ไทย ระหว่างวันที่ 15 – 18 กรกฎาคม นี้

