ลุ้น “แพทองธาร-ภูมิธรรม” นั่งหัวโต๊ะถกตั้ง รอง ผบ.ตร.-ผบก. นักวิ่งมีลู่เดียวมุ่ง “บ้านจันทร์ฯ”

1104

คงต้องลุ้นกันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) – ผู้บังคับการ (ผบก.) ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใครจะนั่งหัวโต๊ะในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

ซึ่งโอกาสที่จะเป็นนายภูมิธรรมค่อนข้างสูง เพราะทีมกฎหมาย น.ส.แพทองธาร ได้ขอขยายเวลาการชี้แจงที่ศาลรัฐธรรมนูญขีดเส้นไว้ 15 วัน เพิ่มไปอีก 15 วัน อาจจะยื่นคำชี้แจงได้ประมาณต้นเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ ขึ้นกับศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลานานเท่าใด แต่ถ้าใช้เวลาพิจารณาชี้ขาดก่อนวันที่ 20 สิงหาคม และเป็นบวกกับ น.ส.แพทองธาร จะทำให้ น.ส.แพทองธาร เป็นประธานประชุม ก.ตร. แต่ถ้ายืดเวลาออกไปเกินวันที่ 31 สิงหาคม นายภูมิธรรมจะทำหน้าที่แทน

เนื่องจากกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2567 ข้อที่ 7 ระบุว่าให้มีการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นสองวาระ
(1) วาระที่ 1 เรียกว่าวาระประจำปี ให้ดำเนินการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดังนี้
(ก) ตำแหน่ง ผบ.ตร. ให้ ก.ตร. พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม ปีนี้ พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ยังนั่งตำแหน่งอีก 1 ปี จึงข้ามไปที่
(ข) ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ ถึง ผบก. ให้ดำเนินการในห้วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป และ ก.ตร. พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคมของทุกปี

กฎ ก.ตร. ยังระบุอีกว่า การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจนอกวาระประจำ กระทำมิได้ เว้นแต่เป็นกรณีมีเหตุผลความจำเป็นของทางราชการอย่างยิ่ง โดยต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร.

อาจจะมีข้อถกเถียงกันได้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญลากยาวไปเกินวันที่ 31 สิงหาคม การแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบ.ตร. – ผบก. อาจจะถูกลายาวได้ เพราะกฎหมายตำรวจ พ.ศ. 2565 มาตรา 22 (1) ระบุว่า นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก.ตร.

ซึ่งประเด็นนี้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ อธิบายด้วยการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามวาระประจำปี 2568 เป็นไปตามกำหนดเดิม ไม่สามารถเลื่อนออกไปได้ แม้นายกรัฐมนตรีจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากรองนายกรัฐมนตรีซึ่งรักษาการแทน สามารถปฏิบัติหน้าที่ประธาน ก.ตร. ได้ตามปกติและมีอำนาจเต็ม

พล.ต.อ.เอก ระบุอีกว่า การเลื่อนแต่งตั้งประจำปีจะกระทำมิได้ เว้นแต่มีเหตุผลจำเป็นของทางราชการอย่างยิ่ง และต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร. เท่านั้น ซึ่งกรณีปัจจุบันยังไม่เข้าข่ายเหตุผลพิเศษ เพราะรองนายกรัฐมนตรี ยังทำหน้าที่ประธาน ก.ตร. ได้ตามกฎหมาย

“การประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 5/2568 วันที่ 27 มิถุนายน ได้มีมติรับทราบแนวทางการแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ – ผบก. โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมินผล พิจารณาทั้งอาวุโสและความรู้ความสามารถ รวมถึงแบบประเมินตัวชี้วัดใหม่ 4 ด้าน อาทิ คุณภาพงาน ศักยภาพ ความรู้ด้านกฎหมาย และความประพฤติ เป็นต้น” พล.ต.อ.เอก ระบุ

ดังนั้นพอประเมินได้ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายระดับรอง ผบ.ตร. – ผบก. จะเดินตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายแน่นอน ไม่ว่าจะนายภูมิธรรม หรือ น.ส.แพทองธาร จะนั่งหัวโต๊ะ

แต่การแต่งตั้งโยกย้ายปีนี้จะพิเศษกว่าทุกปี โดยเฉพาะนายตำรวจที่ถนัดวิ่งเต้นเพื่อไปคุมพื้นที่ทำเลทอง ไม่ว่าจะเป็นกองบัญชาหลักหรือกองบังคับการที่มากด้วยผลประโยชน์ จากปกติที่เคยวิ่งเต้นได้หลายสายหรือหลายลู่ เช่น ในปีที่ผ่านมาวิ่งได้ทั้งบุรีรัมย์และกระทรวงมหาดไทย แต่ปีนี้มีเพียงลู่เดียว คือมุ่งตรงไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องการสร้างผลงานและวางฐานทางการเมือง เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นปลายปีนี้หรืออีกปีกว่า ๆ

เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ทางการเมืองของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ตั้งฉายาให้กับตัวเองว่า ส.ท.ร. คงไม่ปล่อยผ่านให้โผแต่งตั้งตำรวจระดับกองบัญชาการและกองบังคับการดำเนินการโดยไม่ชายตาแลอย่างแน่นอน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าสนามเลือกตั้งในต่างจังหวัด ตำรวจจะมีบทบาทสูง เพราะคุมพื้นที่เกือบทุกตารางนิ้ว

โดยเฉพาะในยุคที่นายทักษิณลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ผบช.ภ.1-9 ล้วนแต่เป็นมือเป็นไม้ช่วยหาเสียงให้ทั้งสิ้น ผบช.ภ.บางคนถึงขั้นทำโพลหยั่งกระแสแบบรายสัปดาห์ให้อีกต่างหาก จนพรรคไทยรักไทยชนะได้ ส.ส. ถึง 377 คน

ดังนั้น การแต่งตั้งรอง ผบ.ตร. – ผบก. ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม บ้านจันทร์ส่องหล้า คงจะคึกคักเป็นพิเศษ แม้กฎหมายตำรวจ พ.ศ. 2565 จะวางกติกาไว้อย่างเข้มงวด แต่ทุกกฎย่อมจะมีช่องว่างให้ลอดได้เสมอ เว้น ก.ตร. กล้าพอที่จะอุดช่องว่างเพื่อพิทักษ์กฎให้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนปีที่ผ่านมาหรือจะหันไปสวมบทตรายางรอประทับเหมือนในอดีต คงต้องติดตาม !!!